ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยู ในนามรัฐบาลเมียนมา จับรถพ่วง18ล้อ บรรทุกก๊าซแอลพีจีของบริษัทไทย10คันพร้อมควบคุมตัวคนขับไว้ที่เมืองเมียวดี หลังขนก๊าซข้ามไปขายโดยไม่มีใบอนุญาตนำเข้า เผยรถหนักกว่า 40 ตัน แต่จนท.ปล่อยให้วิ่งข้ามไป จนสะพานพัง...   

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.58 ผู้สื่อข่าวรายงานจากชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า พลตรีชิดตู่ รองผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชายแดน ร่วมกับพลโทผาโด้ ผู้บัญชาการกองกำลังสภากะเหรี่ยงเคเอ็นยู ภาคเมียวดี นำกำลังเข้าจับกุมรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกก๊าซแอลพีจีจำนวน 10 คัน ของบริษัทแห่งหนึ่ง ขณะวิ่งข้ามไปส่งยังฝั่งจังหวัดเมียวดี

พร้อมกันนี้ ได้ควบคุมคนขับรถทั้ง 10 คนไว้ยังฐานที่มั่น แจ้งข้อหา ไม่มีใบอนุญาตนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากรัฐบาลทหารเมียนมา และไม่มีใบอนุญาตนำเข้ามายังรัฐกะเหรี่ยง

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางฝั่งเมียนมา แจ้งว่าการควบคุมรถบรรทุกก๊าซแอลพีจีครั้งนี้ เป็นผลมาจากที่มีผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดเมียวดี ร้องเรียนไปยังรัฐบาลทหารเมียนมา ว่า มีบริษัทจำหน่ายก๊าซแอลพีจีของไทย ลักลอบขนก๊าซผ่านด่านพรมแดนด้านอ.แม่สอด ผ่านช่องทางสะพานมิตรภาพไทย-พม่า โดยมีการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ไทยหลายหน่วยงาน เพื่อให้ผ่านการชั่งน้ำหนักที่เกินกว่า 40 ตัน จนทำให้สะพานมิตรไทย-พม่า ที่รับน้ำหนักได้เพียง 25 ตัน ได้รับความเสียหาย และต้องซ่อมแซมคอสะพานในฝั่งเมียนมา

ล่าสุด หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ของไทย ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริเวณด่านศุลกากร เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและอยู่ระหว่างการประสานงานให้ปล่อยรถ และคนขับที่ถูกควบคุมตัวในฝั่งเมียนมา ซึ่งหากถูกตัดสินจำคุก กรณีนี้อาจต้องโทษมากถึง 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ทางการเมียนมา ทำการซ่อมคอสะพานมิตรภาพ ด้านจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด เนื่องจากมีรถน้ำหนักเกินข้ามจนทำคอสะพานชำรุด นอกจากนี้ ทางแขวงการทางตากที่ 2 ก็ได้ซ่อมตอม่อสะพานเนื่องจากมีการเคลื่อนตัวจนผิวพื้นสะพานแยกออกจากกัน สาเหตุจากรถน้ำหนักเกินวิ่ง เพราะสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ปกติรับน้ำหนักได้แค่ 25 ตัน แต่เป็นเรื่องแปลกที่มีการปล่อยให้รถพ่วงบรรทุกแก๊ส ที่มีน้ำหนักเฉลี่ยคันละ 42 ตันขึ้นสะพานไปได้ จนสุดท้ายก็ไปโดนจับในฝั่งเมียนมา.

...