หนุ่มแสบแต่งชุดทหารยศพันโทหลอกต้มตุ๋นชาวบ้าน จนมุมแล้ว หลังวางแผนหลอกตุ๋นเงินคนตามถนัด ล่าสุด เจ้าของโรงปุ๋ยเมืองกาญจน์ ไหวตัวทัน เข้าแจ้งตร.ดักรวบ คาดหลอกตุ๋นเงินเหยื่อมาแล้วนับ 10 ราย ในเขต 3 จังหวัด ได้เงินไปหลายล้าน

เมื่อเวลา 22.00 น.ของวันที่ 5 มิ.ย. 58 นายสมคิด ศรีสงคราม อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 หมู่ 1 ต.ตระคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้นำเงินสดจำนวน 3 แสนบาทเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เจนณรงค์ สมเสถียร ผกก.สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เพื่อขอลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐาน

โดยนายสมคิด ได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ได้มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายชุดนายทหารยศพันโทเต็มยศ ขับรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว เลขทะเบียน กต 5571 สุพรรณบุรี เข้ามาหาตนที่บ้านโดยผู้ชายคนดังกล่าวอ้างตัวว่าชื่อ พันโทอภิธิศักดิ์ สุระวารีนนท์ เป็นนายทหารระดับเสนาธิการทหารประจำอยู่ที่ค่ายธนรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมบอกกับตนว่า ตอนนี้ตนกำลังถูกชาวบ้านร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมที่กาญจนบุรี เรื่องการเตรียมขุดดินเพื่อตักทรายขาย ตนบอกว่ายังไม่ได้ทำ แต่กำลังจะทำ

...

นายสมคิด เล่าต่อไปว่า จากนั้น ผู้ชายคนดังกล่าวได้บอกว่า ถ้าตนอยากทำก็ทำได้ โดยอ้างว่า เขาสามารถวิ่งเต้นเคลียร์กับศูนย์ดำรงธรรม และวิ่งเต้นขอใบอนุญาตเปิดบ่อทรายที่อุตสาหกรรมจังหวัดฯ พร้อมกับอ้างว่ามีความรู้จักและสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ในศูนย์ดำรงธรรม และผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบัน แต่ต้องใช้เงินวิ่งเต้นทำเรื่อง จำนวน 3 แสน 5 หมื่นบาท ซึ่งในเวลานั้นตนบอกว่า ตนมีเงินสดติดบ้านเพียง 5 หมื่นบาทเท่านั้น

ชายคนดังกล่าวซึ่งอ้างตัวเป็นนายทหารก็บอกว่า ไม่เป็นไรจ่ายค่ามัดจำเดือนเรื่องมาก่อน 5 หมื่นบาท ส่วนอีก 3 แสนบาท ค่อยมาจ่ายอีกทีในวันที่ 5 มิ.ย. 58 ตนหลงเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นนายทหารยศพันโท แถมภายในรถก็มีเสื้อคลุมแจ็กเกตสีดำ ที่หน้าอกปักชื่อ เสธ.อ้าย แขวนอยู่ จึงจ่ายเงินจำนวน 5 หมื่นบาทให้ไป จากนั้นผู้ชายคนดังกล่าวก็ขับรถออกจากบ้านไป ตนได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับหุ้นส่วนซึ่งทุกคนก็ลงความเห็นว่าน่าจะถูกหลอก

พอถึงเวลาวันนัดหมายในวันนี้ ตนได้นำเงินจำนวน 3 แสนบาทไปรอที่ทำการจุดตรวจจุดสกัดบ้านท่าตะคร้อ แต่ชายคนดังกล่าวที่อ้างตัวว่าเป็นายทหารก็ไม่มาตามนัด พอโทรไปสอบถามผู้ชายคนดังกล่าวก็อ้างว่าติดธุระ ขอเลื่อนเวลาเป็น 17.00 น. ส่วนสถานที่ขอเป็นที่โรงปั้นดินของโรงปุ๋ยแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ 12 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา ตนเกรงว่าอาจจะถูกหลอก จึงเดินทางมาเพื่อปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันโดยถ่ายสำเนาธนบัตรไว้เป็นหลักฐาน

หลังจากนั้น พ.ต.อ.เจนณรงค์ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พิชัยพนธ์ ภักดีศิริเกษม รอง ผกก.สส.ฯ ร่วมกับ พ.ต.ท.มานพ น้ำประสานไทย สว.สส.ฯ และ พ.ต.ต.อำนาจ ปรีชาวาท สวป.ฯร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯเดินทางไปทำการซุ่มโป่งยังจุดนัดหมาย จนกระทั่งเวลา 17.30 น.ของวันดังกล่าว ขณะที่นายสมคิด ไปจอดรถรออยู่ที่โรงปั้นดินตามสถานที่นัดหมาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังปิดล้อมอยู่ ผู้ชายคนดังกล่าวก็ได้ขับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวเข้ามายังที่นัดหมาย

จากนั้นนายสมคิด ก็เข้าไปเจรจา พร้อมทั้งนำเงินสดจำนวน 3 แสนบาทมอบให้ไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการแสดงตัว ผู้ชายคนดังกล่าวเมื่อเห็นและทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับสีหน้าถอดสี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวพร้อมเงินสดจำนวน 3 แสนบาทไปทำการสอบสวนที่จุดตรวจจุดสกัดบ้านท่าตะคร้อ หมู่ 1 ต.ตะคร้ำเอน

จากการสอบสวนปากคำผู้ชายที่อ้างตัวเป็นนายทหาร คือ นายจตุพัช ศรีทองกูล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 5 ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยรับสารภาพว่า ได้วางแผนทำการหลอกลวงนายสมคิด เจ้าของโรงปุ๋ยที่กำลังจะทำกิจการขุดทรายขาย โดยนายจตุพัช อ้างว่าก่อนหน้าที่จะวางแผนต้มตุ๋นนายสมคิด ได้เกิดไปรู้จักกับหลานชายของนายสมคิด ที่นำรถแบ็กโฮไปซ่อมที่อู่ช่างพงษ์ ไม่ทราบนามสกุลตั้งอยู่ในเขต อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และทราบว่านายสมคิด น้าชายกำลังกลุ้มใจที่จะขุดดินในที่ดินของตัวเองเพื่อตักทรายขาย แต่ไม่รู้จะไปปรึกษา หรือขออนุญาตใคร

นายจตุพัช เล่าต่อไปว่า จากนั้นตนจึงบอกว่ากับหลานชายของนายสมคิด ไปว่าสามารถช่วยได้ จึงวางแผนขับรถไปหานายสมคิดที่บ้าน และบอกกับนายสมคิดว่า นายสมคิด ถูกชาวบ้านร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมเรื่องขุดทรายขาย โดยบอกว่าสามารถวิ่งเต้นศูนย์ดำรงธรรมได้ แต่ต้องเสียเงินค่าวิ่งเต้นไม่ให้ศูนย์ดำรงธรรมมาตรวจสอบเป็นเงิน 5 หมื่นบาท นายสมคิด หลงเชื่อก็จ่ายเงินมัดจำค่าวิ่งเต้นยุติเรื่องให้

ส่วนชุดนายทหารยศพันโทที่นำสวมใส่ในวันที่ขับรถเข้าไปหานายสมคิด ที่บ้านนั้น เป็นชุดเครื่องแบบของ พันโทอภิธิศักดิ์ สุระวารีนนท์ เสนาธิการทหารผู้หนึ่ง ปัจจุบันประจำอยู่ที่ค่ายธนรัชต์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งเสื้อคลุมแจ็กเกตสีดำที่ปักชื่อนายทหารใหญ่ เพราะในอดีตตอนที่ตนเป็นทหารเกณฑ์นั้น เคยทำงานเป็นคนขับรถให้ ตนสบโอกาส จึงได้แอบเก็บชุดเครื่องแบบนี้ไว้เพื่อใช้ในการหลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้าน วิ่งเต้นช่วยเหลือเรื่องที่ชาวบ้านเดือดร้อน

...

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนปากคำเสร็จเรียบร้อยจึงได้ประสานไปที่ พันโทณัฐพงษ์ ตะโกใหญ่ ผบ.ป.พัน 109 / ผบ.ชุดประสานงานประจำพื้นที่ ป.พัน 109 และ รอ.สุวิทย์ ทองกวาว หน.ชุดประจำพื้นที่ ป.พัน 109 นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเดินทางมาตรวจสอบและตรวจค้นภายในรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ของนายจตุพัช พบว่าภายในรถมีเอกสารหลักฐานหลายอย่าง อาทิ เสื้อผ้า บัตรประจำตัวประชาชน และบัตรอดีตข้าราชการทหารของนายสยาม ศรีทองกูล ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นนายจตุพัช ศรีทองกูล เลขที่ 67/2534 สมัยที่ยังเป็นทหารตำแหน่ง ผบ.กรมนักเรียน รร.ร.ศ.ร สังกัดกรม รร.ร.ศร.อีกด้วย จึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ชาวบ้านทราบข่าวว่า นายจตุพัช ศรีทองกูล ถูกตำรวจวางแผนล่อซื้อจับกุมและนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา ก็ได้มีเจ้าทุกข์หลายรายจาก จ.สุพรรณบุรี จ.นครปฐม และกาญจนบุรี ซึ่งเป็นนักธุรกิจผู้รับเหมาก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรร เจ้าของบ่อทราย ต่างเดินทางมาชี้ตัวนายจตุพัช ว่าถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวงต้มตุ๋นเอาเงินไปรายละ 2-3 แสนบาท

โดยนายธนกร สมบูรณ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/11 หมู่ 14 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม 1 ในจำนวนผู้เสียหายที่ทำธุรกิจก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งถูกนายจตุพัช ศรีทองกูล แต่งชุดนายทหารยศพันโท อ้างตัวว่าเป็นพันโทอภิธิศักดิ์ หลอกลวงเอาเงินไป 2 แสน 5 หมื่นบาท กล่าวว่านายจตุพัช ผู้ต้องหารายนี้ได้หลอกลวงต้มตุ๋นเอาเงินจากชาวบ้าน และนักธุรกิจไปแล้วจำนวนกว่า 10 ราย ใน 3 จังหวัดได้เงินไปเป็นหลายล้านบาท คาดว่าหลังเป็นข่าวทางสื่อมวลชนแล้วน่าจะมีผู้เสียหายตามจังหวัดต่างๆ เดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษอีกเป็นจำนวนมาก