เปิดใจอีกรอบ รอง ผอ.โรงเรียนดังที่อุบลฯ เจ้าของไอเดียที่มาของดราม่า ‘ปักเกรดที่อกเสื้อ’ ชี้เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เด็กขยันเรียนและมีระเบียบวินัย ยืนยันได้ผลเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในปีเดียว ผลสอบโอเน็ตขยับขึ้นถึงกว่า 40 อันดับ...


จากกรณีดราม่า ปักเกรดที่อกเสื้อของนักเรียน โรงเรียนนาเยียศึกษา รัชมังคลาภิเษก ต.นาเยีย อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมปีที่ 1-6 หลังมีการโพสต์ภาพเสื้อของนักเรียนรายหนึ่ง ที่มีเลขเกรดปักอยู่บนหน้าอกเสื้อ โดยผู้โพสต์ระบุว่า ‘บางครั้งโรงเรียนก็ทำให้นักเรียนเล็งเห็นความสำคัญของเกรด (มากเกินไป) ถึงกับต้องปักติดกับเสื้อนักเรียนเลยทีเดียว’ จนกลายเป็นประเด็นแชร์และพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล ทั้งในด้านบวกและด้านลบ (อ่านข่าว http://www.thairath.co.th/content/493371)

ต่อมา เมื่อตอนสาย วันที่ 17 เม.ย.58 ผู้สื่อข่าว จ.อุบลราชธานี ได้เดินทางไปพบกับ นายกำจัด กุลโชติ อายุ 43 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนนาเยียศึกษา รัชมังคลาภิเษก อุบลราชธานี ฝ่ายกิจการนักเรียน บริหารทั่วไป และฝ่ายบุคคล ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวความคิดให้นักเรียนปักเกรดเฉลี่ย ผลการศึกษาไว้บนอกเสื้อของโรงเรียน หลังจากที่นายกำจัด ได้ชี้แจงผ่าน ‘สายตรวจโซเชียล’ ของไทยรัฐออนไลน์ไปแล้วครั้งหนึ่ง

...

ทั้งนี้ นายกำจัด ได้กล่าวว่า การปักเกรดที่หน้าอกเสื้อนักเรียนนั้น ตนเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 ที่โรงเรียนเหล่างามพิทยาคม อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี หลังรัฐบาลประกาศให้งดใช้ไม้เรียวในการอบรมนักเรียน แล้วตนเห็นว่านักเรียนไม่อยู่ในระเบียบวินัยในโรงเรียน จึงมีแนวคิดแรงจูงใจให้นักเรียนหันมาตั้งใจเรียน และมีระเบียบวินัย โดยขณะนั้นตนเป็นครูฝ่ายปกครองด้วย ซึ่งนอกจากจะให้นักเรียนปักเกรดโชว์แล้ว ยังมีการทำสมุดบันทึกพฤติกรรมทั้งความดี และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียน หากนักเรียนคนใดถูกหักพฤติกรรมครบ 10 คะแนน ก็จะเรียกผู้ปกครองมาพบ ทำให้นักเรียนมีระเบียบวินัย และผลการเรียนดีขึ้น แต่ขณะนั้นยังไม่มีโลกโซเชียล

กระทั่ง ปลายปี 2556 ตนมารับตำแหน่งที่โรงเรียนนาเยียศึกษา รัชมังคลาภิเษก อุบลราชธานี และพบว่านักเรียนมีผลคะแนนตก คะแนนโอเน็ตของโรงเรียนก็ไม่เข้าเกณฑ์ คือไม่ผ่านการประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ซึ่งจะมีผลตามมาแก่เด็กและครูผู้สอน โรงเรียนอาจถูกยุบ ครูไม่สามารถทำครูชำนาญการได้ เด็กนักเรียนก็กู้เงินยืมเรียนไม่ได้ จึงนำแนวความคิดให้นักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ปักเกรดไว้ที่หน้าอกเสื้อ โดยไม่มีการบังคับ พร้อมมีการเรียงลำดับเกรดเฉลี่ยของนักเรียนทุกคนนำขึ้นบอร์ดขนาดใหญ่ของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนรู้ผลการเรียนของตนเอง โดยมีแรงจูงใจว่าหากนักเรียนคนใดมีผลการเรียนพัฒนาขึ้นเกรดเฉลี่ยอย่างน้อย 0.3 ขึ้นไป จะสามารถไว้ผมยาวได้

"นักเรียนหญิงไว้ผมยาว แต่ต้องรวบผมหรือถักเปียมาโรงเรียน ส่วนนักเรียนชายไว้ผมรองทรง ผลปรากฏว่าปีการศึกษาที่ผ่านมา โรงเรียนได้รับให้ผ่านการประเมินจาก สมศ. โดยผลโอเน็ตของโรงเรียนชั้นมัธยมต้นจากอันดับที่ 57 ขึ้นเป็นอันดับที่ 15 ชั้นมัธยมปลายจากอันดับที่ 67 เป็นอันดับที่ 53 รวมถึงนักเรียนก็มีผลการเรียนดีขึ้นเกินครึ่ง จากนักเรียนทั้งโรงเรียนกว่า 700 คน และนักเรียนทุกคนพร้อมกับผู้ปกครองต่างก็พอใจ"

นายกำจัด กล่าวอีกว่า หลังมีผู้นำภาพไปโพสต์แล้ว ตนก็มีกระแสตอบกลับมาในหลายแง่มุมทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งในด้านลบตนไม่ได้คิดมาก เพราะในโซเชียลไม่ได้ทราบเรื่องราวที่มาที่ไป และข้อมูลที่ชัดเจน ว่า ทำแล้วเกิดผลดีเช่นไร คนเราเมื่อคิดดีทำดีแล้ว คำกล่าวก็เหมือนลมที่พัดผ่านไป ที่ตนทำเพียงต้องการให้นักเรียนมีวินัยและตั้งใจเรียนเท่านั้น

ขณะที่ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 เจ้าของเสื้อตัวที่ถูกนำไปโพสต์ เผยว่า เสื้อตัวดังกล่าวตนนำไปบริจาคให้ญาติ จนเกิดเป็นภาพและมีการแชร์ในโลกโซเชียล ซึ่งตนไม่มีส่วนรู้เห็น หรืออนุญาตให้นำไปแชร์ เพราะตนเห็นด้วยกับนโยบายของโรงเรียนในการปักเกรดที่อกเสื้อ ตั้งแต่มีการให้ปักเกรดเฉลี่ยที่อกเสื้อ ตนและเพื่อนๆ มีผลการเรียนที่ดีขึ้น มีความตั้งใจเรียนเพื่อที่ไม่ให้ผลการเรียนตกต่ำ และยังได้ไว้ผมยาวด้วย ซึ่งเมื่อผมยาวก็ทำให้รู้สึกเป็นผู้ใหญ่ ต้องมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบมากขึ้นโดยปริยาย โดยก่อนหน้านี้ตนมีผลการเรียนเกรดเฉลี่ย 3.23 พอเทอมที่ผ่านมา เกรดเฉลี่ยดีขึ้นเป็น 3.45.