นักเลงรุ่นใหญ่ที่ร้อยเอ็ด ได้ชื่อว่าหนังเหนียวยิงฟันไม่เข้าเป็นที่รู้กันมานาน มาดวงถึงฆาตตอนไปร่วมงานศพ เดินออกมาจะขี่รถกลับบ้าน ถูกหนุ่มรุ่นน้องผลักล้มหัวกระแทกพื้นสลบ นอนรพ.อยู่ร่วมสัปดาห์ก่อนสิ้นใจจากเหตุเลือดคั่งในสมอง...

เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 14 ม.ค.58 ร.ต.ท.ชัยสิทธิ์ วรวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้ไปที่ห้องเก็บศพ รพ.ร้อยเอ็ด เพื่อชันสูตรศพ นายปรีชา จอมคำสิงห์ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 บ้านโนนเหลี่ยม หมู่ 6 ต.โนนตาล อ.เมืองร้อยเอ็ด ตามร่างกายภายนอกไม่มีบาดแผล โดยแพทย์นิติเวชลงความเห็นสาเหตุการตาย เกิดจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้เลือดคั่งในสมอง ทำให้ระบบการทำงานของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

ขณะเดียวกัน ได้มี นายสวาท จอมคำสิงห์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 บ้านโพนศรี หมู่ 5 ต.โนนตาล อ.เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นน้องชายของคนตาย ให้การกับ ร.ต.ท.ชัยสิทธิ์ วรวงษ์ ร้อยเวรว่า ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา นายปรีชาไปร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพเพื่อนบ้านที่บ้านโนนน้อย หมู่ 13 ต.หนองแก้ว อ.เมืองร้อยเอ็ด และอยู่งานศพจนถึงเวลา 06.00 น. ขณะที่นายปรีชาจะขี่ จยย.กลับบ้าน ได้ถูกทำร้ายจนหมดสติถูกนำส่ง รพ.ร้อยเอ็ด ซึ่งแพทย์ตรวจพบสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ต้องอยู่พักรักษาที่ รพ.และในตอนบ่ายวันเดียวกัน ญาติได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เริงศักดิ์ สุวรรณศรี พงส.ผนพ.สภ.เมืองร้อยเอ็ด

ทั้งนี้ นายสวาท น้องชายผู้ตาย พร้อมญาติกว่า 15 คน ซึ่งมารอรับศพนายปรีชา พากันบอกกล่าวกับ ร.ต.ท.ชัยสิทธิ์ด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่นายปรีชา ผู้ตาย ยังอยู่ในวัยหนุ่ม ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับคาถาอาคมหลายอย่างจากอาจารย์หลายคนในภาคอีสาน ดังนั้น เมื่อนายปรีชาไปเที่ยวงานตามหมู่บ้านแล้วถูกคู่อริยกพวกเข้าทำร้าย ของมีคมต่างๆ จะไม่ได้ระคายผิว มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดต่อหน้าต่อตาชาวบ้านจำนวนมาก และเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมานี้เอง ขณะที่นายปรีชานอนเฝ้านา ถูกคู่อริลอบใช้ปืนยิง แต่กระสุนก็ไม่ระคายผิวอีก จึงเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในหมู่บ้าน ว่านายปรีชาเป็นคนหนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้า

...

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ต่อมาได้มี นายสุรพงษ์ ศิริเวช อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 บ้านโนนน้อย หมู่ 13 ต.หนองแก้ว อ.เมืองร้อยเอ็ด เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.เริงศักดิ์ สุวรรณศรี พงส.ผนพ.สภ. เมืองร้อยเอ็ด เจ้าของคดี ให้การว่า เป็นคนทำร้ายนายปรีชา เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นายปรีชาตั้งวงเหล้าอยู่ในงานศพที่บ้านโนนน้อย นายปรีชาได้พูดเสียงดัง ชาวบ้านหลายคนพร้อมทั้งตน จึงขอร้องให้นายปรีชาเบาเสียงลงหน่อย แต่ถูกนายปรีชาพูดจาดูถูกเหยียดหยามตนและบุพการี จึงออกจากบริเวณงานไปนั่งผิงไฟแก้หนาวอยู่ข้างถนนหน้าบ้านที่มีงานศพ จนถึงเวลา 6 โมงเช้าวันที่ 7 ม.ค. เห็นนายปรีชาเดินออกจากงานศพ บอกว่า จะรีบกลับบ้านเพื่อต้อนวัวไปเลี้ยงที่ทุ่งนา ขณะนายปรีชาเดินไปได้หันมามองดูตนด้วยสายตาเหยียดหยามอีก จึงบันดาลโทสะเดินเข้าหานายปรีชาขณะยืนอยู่ข้างรถ จยย. แล้วใช้มือสองข้างผลักอกจนล้มลงหงายหลังนอนนิ่งบนถนนหน้าบ้านงานศพ

นายสุรพงษ์ ให้การด้วยว่า ต่อมาตนทราบว่า นายปรีชายังนอนไม่ได้สติอยู่ที่ รพ.ร้อยเอ็ด เกิดสำนึกในความผิด จึงให้ญาติพาเข้ามอบตัว และหลังได้ประกันตัวในวันเดียวกัน จึงไปที่ รพ.ร้อยเอ็ด เพื่อเยี่ยมและพูดขอโทษนายปรีชา ซึ่งยังนอนนิ่งไม่ได้สติ ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ต่อมาตอนกลางคืนวันที่ 9 ม.ค. ตนนอนได้ฝันไปว่า พบกับนายปรีชา มาพูดกับตนว่า “แกพูดอะไร ตอนที่ไปเยี่ยมฉันและยืนอยู่ปลายเตียงคนป่วย ฉันไม่ได้ยิน” ดังนั้น ในตอนสายวันที่ 10 ม.ค.จึงได้กลับไป รพ.ร้อยเอ็ด เข้าเยี่ยมและนั่งคุกเข่าลงบนพื้นข้างเตียงนายปรีชาที่ยังนอนหมดสติ พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้แล้วพูดใกล้ๆ หูของนายปรีชา ว่า "ผมขอโทษ ไม่มีเจตนาจะทำร้ายนายปรีชา จอมคำสิงห์ แต่อย่างใด" แต่พอตอนสายวันที่ 14 ม.ค. นายปรีชาก็เสียชีวิต

ขณะที่ พ.ต.ท.เริงศักดิ์ สุวรรณศรี พงส.ผนพ. สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวว่า จะเรียกนายสุรพงษ์ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่ม จากข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส เป็นข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส และเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายต่อไป.