เจ้าของเข่าแทบทรุด ช็อกหนักมากหลังเพื่อนบ้านตี "หมาสุดรัก" ก่อนนำมาชำแหละทำ "หมาแดดเดียว" ล่าสุดแจ้งความดำเนินคดีแล้ว

กลายเป็นเหตุการณ์สุดสะเทือนใจคนรักสุนัข เมื่อเพื่อนบ้านก่อเหตุยิงหมาและตีหมาจนตาย จากนั้นได้นำไปชำแหละแล้วนำไปทำเนื้อแดดเดียว จากนั้นมูลนิธิวอชด๊อกไทยแลนด์ ได้ประสานตำรวจ สภ.อรัญประเทศเพื่อดำเนินคดี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความหดหู่ใจให้กับคนรักสุนัขเป็นอย่างมาก

ล่าสุด วันที่ 25 เมษายน 2568 นายธวัชชัย ถาวรสิน อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของน้องหมาตัวดังกล่าวคือ "น้องชมพู่" พร้อมเล่าว่า ตนเป็นคนรักหมามาก นำหมามาเลี้ยงไว้ทั้งหมด 4 ตัว ปกติก็จะปล่อยให้มันวิ่งเล่นเป็นประจำ จนกระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนไม่อยู่บ้าน แต่แฟนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ซึ่งเสียงดังมาจากบ้านผู้ก่อเหตุ จากนั้นหมาของตนก็พากันวิ่งแตกตื่นกลับมาบ้าน แต่ปรากฏว่าไม่เห็น "เจ้าชมพู่" วิ่งกลับมาในใจก็ภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีกับชมพู่เลย

จากนั้นจึงตัดสินใจเดินไปตามหาชมพู่ที่บ้านหลังดังกล่าว พบกับ ตาน้อย อายุ 68 ปี ก็ได้ถามว่าเห็นหมาของตนวิ่งมาทางนี้บ้างไหม แต่ตาน้อยบอกว่าไม่เห็น แล้วก็รีบขับรถออกไป จากนั้นภรรยาของผู้ก่อเหตุได้ออกมา ตนก็ถามว่าเห็นหมาของตนไหม ยายก็บอกว่าไม่เห็น

ทันใดนั้นเอง ก็หันไปเห็นชิ้นเนื้อถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ตากไว้บนแผ่นสังกะสี คิดเลยว่าต้องเป็นเจ้าชมพู่หมาของตนอย่างแน่นอน แต่ทางภรรยาผู้ก่อเหตุตอบมาว่าเป็นเนื้อวัว ตนไม่เชื่อจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทำเอาเข่าแทบทรุด เมื่อเห็นขนและลิ้นของเจ้าชมพู่หมาสุดรักของตน

วินาทีนั้นทำอะไรไม่ถูก ร้องไห้โฮออกมาด้วยความสงสาร แล้วได้หันไปถามภรรยาผู้ก่อเหตุว่าทำไมต้องฆ่ามันทำแบบนี้ แต่ภรรยาผู้ก่อเหตุได้แต่ตอบว่าไม่รู้เรื่อง ตนเองจึงตัดสินใจเก็บชิ้นส่วนของเจ้าชมพู่ใส่ถุงแล้วเดินร้องไห้กลับมาที่บ้าน จากนั้นตั้งสติได้จึงไปแจ้งความที่ สภ.อรัญประเทศ เพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนคิดว่าการกระทำแบบนี้มันโหดร้ายทารุณมากๆ หมาของใครใครก็รัก ซึ่งตนเองเลี้ยงมาด้วยความรักความผูกพันมันก็เหมือนสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งก็ว่าได้

...

ตอนนี้ชมพู่ได้จากไปแล้ว คงเหลือน้องไข่ตุ๋น ซึ่งเป็นลูกของชมพู่ไว้ดูต่างหน้า และในเย็นวันนี้ตนก็จะได้นำชิ้นส่วนของชมพู่ไปฝัง และขอให้ชมพู่ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่านี้ รวมทั้งอยากขอร้องกับกลุ่มคนที่ชอบกินเนื้อหมา หยุดเถอะของกินมีเยอะแยะ เพราะหมาถือว่าเป็นเพื่อนที่มีความซื่อสัตย์ที่สุดในโลกแล้ว สงสารมัน

ทางด้าน น.ส.ธนันพัชธ์ ถาวรกุล อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนและอาศัยอยู่บริเวณละแวกนั้นก็เล่าถึงพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุว่า เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และก็รู้เหมือนกันว่าตาน้อยผู้ก่อเหตุชอบกินหมา ตีหมาฆ่าหมาอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้กับคนที่คุ้นเคยกัน ซึ่งแกก็มักจะขับรถผ่านมาอยู่บ่อยๆ ก็ทักทายกันดี แต่วันเกิดเหตุรู้สึกเศร้าใจ ซึ่งวันเกิดเหตุตนเองยืนยันว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจริง 1 นัด เพราะว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่โล่งเลยทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน

ทั้งนี้ ก็รู้สึกเห็นใจและเสียใจกับเจ้าของหมามาก และอยากฝากบอกถึงคนที่นิยมกินเนื้อหมาว่าให้หยุดเถอะ เพราะหมามันเปรียบแล้วเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์มากที่สุด เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์มากๆ

ขณะที่ นายแสวง งามบุญช่วย อายุ 68 ปี หรือ "ตาน้อย" และนายประสิทธิ์ หันทยุง อายุ 56 ปี หรือ "อึ่ง" ซึ่งทั้ง 2 ได้ยอมรับสภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้ช่วยกันฆ่าเจ้าชมพู่หมาตัวดังกล่าวจริง จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้ง 2 มาชี้จุดที่ได้นำหัวหมามาโยนทิ้ง พร้อมทั้งได้ลงไปงมหาหัวหมา ซึ่งทั้งสองอ้างว่านำมาโยนทิ้งในบ่อ หลังจากได้ชำแหละชิ้นส่วนแล้ว

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามตาน้อยว่ากินหมาจริงไหม ตาน้อยตอบแบบเสียงดังฟังชัดว่า กินจริงและตนเองได้ใช้ไม้ตีมันจนล้มลง แล้วตีซ้ำจนมันตาย แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ยิง และยังบอกอีกว่ากินเป็นประจำและฆ่าหมาเป็นเรื่องปกติ เพราะมันเข้ามากัดเป็ดและไก่ของตน

อย่างไรก็ตาม จากการเดินสำรวจบริเวณดังกล่าว ไม่พบว่าบ้านของตาน้อยมีการเลี้ยงเป็ดหรือเลี้ยงไก่แต่อย่างใด

ทางด้าน พ.ต.อ.ชูชาติ คงเมือง ผกก.สภ.อรัญประเทศ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.กิตติพัศ ขจรพงศ์ชัยกุล สว.(สอบสวน) สภ.อรัญประเทศ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากตรวจสอบผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้รับสารภาพว่าฆ่าหมาจริงจึงได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน "ร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์" และ "ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์" อันเป็นความผิดต่อส่วนตัวและเป็นความผิดอันยอมความได้ โดยผู้กล่าวหาประสงค์ที่จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองคนในความผิดฐาน "ร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์" เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายโดยมีโทษจำ 2 ปี และปรับเป็นเงิน 40,000 บาท.