ศิลปะมีความสำคัญต่อมนุษย์เสมอมา ขณะเดียวกันการสร้างงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ที่มีผลต่อเรื่องอื่นๆ ในสังคมเช่นกัน กว่า 40 ปีของเวทีการประกวดศิลปกรรม ปตท. (PTT Art Awards) ที่ริเริ่มขึ้นโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จึงเป็นมากกว่าการประกวดผลงานศิลปะ แต่หมายถึงการส่งเสริมพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่มีคุณค่าต่อสังคม รวมถึงยังเป็นเวทีที่จุดประกายชีวิต และสร้างศิลปินหลากหลายรุ่นที่ฝากผลงานให้กับสังคมไทยมามากมาย
และแน่นอนในปีนี้ การประกวดศิลปกรรม ปตท. พร้อมแล้วที่จะเปิดพื้นที่ให้เหล่าศิลปินได้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวด ระหว่างวันที่ 9 - 15 มิถุนายน 2568 นี้ ภายใต้หัวข้อ “เติบโต สมดุล ยั่งยืน”
40 ปีของเวทีสร้างศิลปิน
การประกวดศิลปกรรม ปตท. เป็นเวทีการประกวดผลงานศิลปะที่มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อเปิดโอกาสและสนับสนุนให้ศิลปินมีพื้นที่สร้างสรรค์และเผยแพร่ผลงานต่อสาธารณะมากขึ้น ผ่านความเชื่อมั่นที่ว่า นอกจากศิลปะจะช่วยจรรโลงใจและถ่ายทอดความสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้แล้ว ยังช่วยนำเสนอเรื่องราว และสร้างการตระหนักรู้ให้กับสังคมในทุกมิติ ขณะเดียวกันศิลปะก็มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมไทยให้แข็งแรงต่อไปอย่างยั่งยืน โดยกว่า 40 ปีของเวทีประกวดศิลปกรรม ปตท. ไม่เพียงจุดประกายชีวิตให้แก่ผู้ที่รักและหลงใหลในงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการ “สร้างศิลปิน” จากรุ่นสู่รุ่นในวงการศิลปะของเมืองไทยอีกด้วย

ศาสตราจารย์ทินกร กาษรสุวรรณ ศิลปินอิสระ อาจารย์ประจำภาควิชาภาพพิมพ์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร หนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินผลงานศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 40 ได้ร่วมพูดคุย บอกเล่าแนวทางของศิลปกรรม ปตท. ครั้งนี้ พร้อมให้เหตุผลว่า ทำไมจึงไม่ควรพลาดส่งผลงาน
โดยอาจารย์เปิดเผยว่า การประกวดศิลปกรรม ปตท. ถือเป็นหนึ่งในเวทีการประกวดผลงานศิลปะที่ผู้คนในแวดวงรอคอยที่จะได้นำเสนอผลงาน ขณะเดียวกันก็เป็นเวทีที่ทรงคุณค่าอย่างมาก เนื่องจากเป็นการประกวดที่มีส่วนในการร่วมสร้างศิลปินของไทยมามากมาย
“ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยส่งผลงานร่วมประกวดกับเวทีศิลปกรรม ปตท. ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี เช่นเดียวกันกับศิลปินที่มีชื่อเสียงในบ้านเราอีกหลายท่าน ก็เคยเริ่มต้นวันแรกๆ ของตัวเองกับเวทีศิลปกรรม ปตท. จึงไม่ผิด ถ้าหากจะบอกว่าการประกวดศิลปกรรม ปตท. คือเวทีสร้างศิลปิน อีกทั้งยังเป็นเวทีที่ช่วยจุดประกายชีวิตให้กับเด็กและเยาวชนไทยอีกหลายคนด้วย เนื่องจากเป็นเวทีที่แบ่งการประกวดออกเป็นหลายประเภท และหลากหลายรุ่น เด็กและเยาวชนที่เคยส่งผลงานกับการประกวดศิลปกรรม ปตท. หลายคนก็ได้จุดประกายเส้นทางชีวิตของตัวเองจากเวทีนี้ หลายคนเติบโตขึ้นเป็นศิลปินในแวดวงศิลปะ ในขณะที่อีกหลายคนที่ต่อให้ไม่ได้เลือกเส้นทางอาชีพในสายงานศิลปะโดยตรง แต่ก็ได้วิธีคิดและการสร้างสรรค์งานศิลปะที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มาสร้างคุณค่าให้กับอาชีพที่เขาเลือกในมุมที่แตกต่างได้”

ในฐานะที่คลุกคลีอยู่กับคนรุ่นใหม่ และเป็นผู้หนึ่งที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของสังคมในด้านต่างๆ เสมอมา ศาสตราจารย์ทินกรยังเชื่อมั่นว่าศิลปะมีส่วนทำให้สังคมก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีพลัง โดยเฉพาะพลังทางสังคมที่เริ่มต้นด้วยคุณค่าแห่งความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การประกวดศิลปกรรม ปตท. ยังคงยืนหยัดอยู่ และทำหน้าที่เสมือนเป็นกลไกเล็กๆ ที่ช่วยให้งานศิลปะขับเคลื่อนสังคมไทยไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างโอกาสและสนับสนุนศิลปิน 40 ปีของ ศิลปกรรม ปตท. จึงเป็นย่างก้าวที่มีความหมายอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้เดินทางร่วมกันมา

เดินทางสู่การ “เติบโต สมดุล ยั่งยืน”
การประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 40 ในปีนี้ เตรียมเปิดให้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในหัวข้อ “เติบโต สมดุล ยั่งยืน” ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ทินกร เปิดเผยว่า หัวข้อของการประกวดในแต่ละปีจะเปลี่ยนไปตามบริบทของสังคมในช่วงนั้น และเหตุผลที่หัวข้อในปีนี้มากับ “เติบโต สมดุล ยั่งยืน” ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรอบด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมากว่าศิลปิน หรือผู้สร้างสรรค์ผลงาน จะตีความและสื่อสารถึงการเติบโต ความสมดุล และยั่งยืนที่ว่านี้อย่างไร ในวันที่ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“คำว่า ‘เติบโต สมดุล ยั่งยืน’ นั้น ตีความได้หลากหลายมากขึ้นอยู่กับว่าศิลปินแต่ละคนจะตีความและสื่อสารออกมาทางงานศิลปะของตัวเองอย่างไร ‘เติบโต’ อาจจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมประเพณี หรือแม้แต่ความเป็นไปของโลก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ามองเห็นสิ่งใดและอยากขยายผลต่อไปอย่างไร เด็กๆ บางคนอาจมองการเติบโตเป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งไม่มีถูกหรือผิด อยู่ที่ว่าเมื่อมองเห็นการเติบโตนั้นๆ แล้ว มองต่อเนื่องไปที่ความสมดุลอย่างไร การเติบโตเกี่ยวเนื่องกับความสมดุล หรือความไม่สมดุล อย่างไร ซึ่งผู้สร้างสรรค์งานก็ต้องตีโจทย์ให้แตก ว่ามองเห็นสิ่งใด อยากสื่อสารเรื่องใด รวมถึงสืบเนื่องไปที่การสร้างความยั่งยืนได้อย่างไร จริงๆ ‘เติบโต สมดุล ยั่งยืน’ เป็นหัวข้อที่กว้างมาก รวมถึงตีความได้หลากหลายแง่มุม ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้สร้างสรรค์จะสามารถผสมผสานเนื้อหา หรือคอนเทนต์ที่ต้องการนำเสนอ เข้ากับวิธีการ หรือรูปแบบอย่างไร”

“เติบโต สมดุล ยั่งยืน” จึงเป็นหัวข้อการประกวดที่ท้าทายต่อมความคิดสร้างสรรค์ในปีนี้อย่างมาก ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวด โดยแบ่งตามรุ่นอายุ ได้แก่ รุ่นอายุต่ำกว่า 9 ปี, รุ่นอายุระหว่าง 9 - 13 ปี, รุ่นอายุระหว่าง 14 - 18 ปี และรุ่นประชาชนทั่วไป อายุ 18 ปีขึ้นไป กับประเภทของผลงาน ได้แก่ ประเภทจิตรกรรม ภาพพิมพ์ และเทคนิคผสม, ประเภทประติมากรรม, ประเภทดิจิทัลอาร์ต (2 มิติ) และประเภททัศนศิลป์อื่นๆ นอกจากนี้ความน่าสนใจของศิลปกรรม ปตท. ในวาระพิเศษครบรอบ 40 ปีคือ เป็นปีที่มอบรางวัลรวมถึง 40 รางวัล จากเดิมที่มอบ 24 รางวัลในทุกปี มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท

“ความแตกต่าง” ศิลปกรรม ปตท. มองหา
ในฐานะคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินผลงานศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 40 ศาสตราจารย์ทินกร ให้คำแนะนำที่น่าสนใจสำหรับศิลปินระดับต่างๆ ที่เตรียมส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในปีนี้ ว่าผลงานแบบไหนที่เวทีศิลปกรรม ปตท. กำลังมองหา

“การประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 40 ในปีนี้เป็นปีที่คณะกรรมการจะคัดเลือกผลงานแบบเข้มข้น และมีการคัดเลือกหลายขั้นตอนขึ้น ให้สมกับครบรอบปีที่ 40 แน่นอนว่าสิ่งที่คณะกรรมการอยากเห็นก็เป็นเรื่องความแตกต่าง ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการสร้างสรรค์งานศิลปะคือ เด็กและเยาวชนที่จะส่งผลงานต้องตีโจทย์และมองหาความต่างของการนำเสนอผลงานให้เจอ การหาข้อมูลผ่านการดูผลงานที่ได้รับรางวัลในปีที่ผ่านๆ มาถือเป็นเรื่องดี เพราะถือเป็นการทำความเข้าใจข้อมูล แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการเดินตามแนวทางที่มีคนอื่นทำไว้แล้วจะน่าสนใจ หรือจะได้รับรางวัล เพราะคณะกรรมการอยากเห็นสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่เป็นความแตกต่าง ซึ่งผู้สร้างสรรค์ผลงานต้องหาสิ่งนั้นให้เจอ”
ศาสตราจารย์ทินกร ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงผู้ที่อยากส่งผลงานเข้าร่วมประกวดในปีนี้ แต่ยังลังเลใจอยู่ว่า “มีของต้องโชว์” เพราะการส่งผลงานศิลปะเข้าร่วมประกวดเป็นส่วนหนึ่งของการวัดระดับว่าผลงานที่ตัวเองมี อยู่ในระดับใด สามารถสื่อสารความคิดออกไปถึงผู้คนได้มากน้อยเพียงใด ส่วนจะได้รับรางวัลหรือไม่รับรางวัลถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเรื่องสำคัญกว่าคือความกล้าในการนำเสนอผลงาน รวมถึงอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้มองเห็นตัวเองในมุมใหม่ๆ รวมถึงอาจได้ก้าวไปถึงจุดที่ไม่เคยได้เห็นจากตัวเองมาก่อนก็เป็นได้


ผู้สนใจสามารถส่งผลงาน ระหว่างวันที่ 9 - 15 มิถุนายน 2568 นี้
ทั้งนี้ศิลปินทุกแขนงสามารถสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ของการส่งผลงานได้ที่ Facebook : หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา และ www.pttplc.com
ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่นี่ https://bit.ly/4jnGtpA