"ปลัดอำเภอหางดง" เปิดใจปมดราม่า "หนังสือลาออก" ยอมรับอัดอั้นตันใจกับระบบราชการจริง แต่ไม่รู้ที่มาของหนังสือดังกล่าว คาดอาจเป็นฝีมือของคนใกล้ชิด หรือคนที่หวังดี
จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์ แชร์ภาพหนังสือลาออกจากราชการของ นายพีรพันธ์ สิงห์ทองชัย ปลัดอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ระบุสาเหตุเนื่องจากเบื่อหน่ายในระบบราชการและความอยุติธรรม ลงวันที่ 21 เมษายน 2568 สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก พร้อมกับตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของการลาออกในครั้งนี้ ขณะที่นายจักรินทร์ สิรินทรภูมิ นายอำเภอหางดง เผยสอบถามกับปลัดอำเภอแล้วได้รับการยืนยันว่าไม่ได้ทำหนังสือลาออกฉบับดังกล่าว พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงว่าหนังสือลาออกปลอมที่ถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์ อาจสร้างความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายต่อราชการ ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ("นายอำเภอ" แจงดราม่าหนังสือลาออก "ปลัดอำเภอหางดง" อ้างเบื่อหน่ายระบบราชการ)
ล่าสุดวันที่ 23 เมษายน ผู้สื่อข่าวเข้าพบนายพีรพันธ์ สิงห์ทองชัย ปลัดอำเภอหางดง ซึ่งนายพีรพันธ์ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ระบุว่าจะเป็นการฝ่าฝืนวินัยราชการ แต่ก็ได้ให้ข้อมูลยืนยันว่าไม่คิดจะลาออกจากราชการ และไม่ทราบที่มาของหนังสือดังกล่าว พร้อมกับยอมรับว่าด้วยว่าตนเองมีความอัดอั้นตันใจกับระบบราชการ ไม่ต่างกับที่ระบุไว้ในหนังสือฉบับดังกล่าวจริง
ปลัดพีรพันธ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้ผ่านการอบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 68 ตั้งแต่ปี 2552 หลังจากนั้นรอแต่งตั้งเป็นนายอำเภอ และคาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งในปี 2560 แต่ปรากฏว่าในปี 2557 กรมการปกครองได้มีคำสั่งให้ตนเอง และผู้ที่ผ่านการอบรมอีกจำนวนหนึ่งออกจากราชการ โดยกล่าวหาว่าร่วมกันทุจริตในการสอบคัดเลือกนายอำเภอที่มีขึ้นในช่วงปี 2552 ตนเองจึงได้ยื่นอุทธรณ์ตามกระบวนการและยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด โดยขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี แต่ศาลปกครองสูงสุดไม่อนุญาต ทำให้ต้องออกจากราชการ
...
ต่อมาวันที่ 15 มีนาคม 2566 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าคำสั่งให้ออกจากราชการของกรมการปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยให้มีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่คำสั่งดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับ ซึ่งคำพิพากษามีผลให้กรมการปกครองต้องให้ตนเองซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิมหรือเทียบเท่า พร้อมกับคืนเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและสิทธิประโยชน์อื่นใดที่พึงจะได้รับในช่วงที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการ และต้องพิจารณาด้วยว่าหากผู้ฟ้องคดีไม่ถูกให้ออกจากราชการ ผู้ฟ้องคดีจะมีความเจริญก้าวหน้าในราชการไปถึงตำแหน่งใด รวมถึงสิทธิที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอตามที่ได้ผ่านการสอบคัดเลือกและผ่านหลักสูตรมาแล้ว
นายพีรพันธ์ บอกว่า หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ตนเองก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอ ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือร้องทุกข์ไปที่กรมการปกครอง ได้รับแจ้งว่ามีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกลั่นกรองคำร้อง แต่จนถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 2 ปี และตนเองก็จะเกษียณราชการในอีก 5 เดือนข้างหน้า ก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอ
นายพีรพันธ์ บอกว่า ช่วงชีวิตราชการที่ผ่านมาตนเองสอบได้ที่ 1 หลักสูตรปลัดอำเภอในปี 2546 สอบได้ที่ 3 ในการสอบคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งนิติกร รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ช่วยเลขานุการยกร่างกฎหมายของกรมการปกครอง นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและใกล้จบปริญญาเอก มองว่าคุณวุฒิตนเองครบถ้วน และผ่านหลักสูตรนายอำเภอมานานหลายปี
ที่ผ่านมาเคยเปรยกับลูกน้องและเพื่อนร่วมงานถึงความอัดอั้นตันใจในระบบราชการ โดยมองว่าความล่าช้าคือความอยุติธรรม ทำให้เป็นไปได้ว่าอาจมีคนใกล้ชิด หรือคนที่หวังดีทำหนังสือลาออกฉบับดังกล่าวขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ แต่ก็ยืนยันว่าตนเองไม่ทราบที่มาที่ไปของหนังสือดังกล่าว หากทำก็จะต้องทำตามระเบียบราชการอย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ ในเวลาราชการที่เหลืออีก 5 เดือน หากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอตามสิทธิที่ควรจะได้รับก็ถือว่าถูกต้องเป็นธรรมสำหรับตนเอง แต่หากไม่ได้ก็อาจจะต้องใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายต่อไป