ปทุมธานี นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ยันการเมืองท้องถิ่น ไม่มีผู้ใดเป็นผู้มีอิทธิพล ลั่นเป็นผู้มีบารมีมากกว่า นั่นคือการทำความดี ส่วนเรื่อง น้องพีช-นายกเบี้ยว วอนสังคมมีสติ แยกแยะ ควรจบได้

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องประชุม สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้แถลงต่อสื่อเรื่องการปรากฏภาพถ่ายภายในสนามกอล์ฟชื่อดังแห่งหนึ่งร่วมกับผู้บริหารท้องถิ่นจำนวนหลายท่าน และหนึ่งในนั้นก็ปรากฏภาพของกฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี หรือนายกเบี้ยว ที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ จนเป็นกระแสผู้มีอิทธิพลที่มีการเรียกขานว่าบ้านใหญ่ในจังหวัดปทุมธานี

โดย รศ.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีในโลกโซเชียลมีการพูดถึงบ้านเล็กบ้านใหญ่ บ้านอิทธิพล ซึ่งบ้างก็ว่าตำบลนี้เป็นบ้านเล็กอำเภอนี้เป็นบ้านใหญ่ ซึ่งมองว่าจะบ้านใหญ่บ้านเล็กก็ไม่มีผลอะไร ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดนั้น ท้องถิ่นเอง หรือเทศบาล หรือ อบต.ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งก็จะเกิดความศรัทธาจากประชาชน ในพื้นที่นั้นๆ และจะมองว่าเป็นบ้านใหญ่และบ้านเล็ก ผมว่ามันไม่ใช่

...

อีกทั้งคำจำกัดความของผู้มีอิทธิพลหรือบ้านใหญ่ นั้นตนมองว่า ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล แต่เป็นผู้ที่มีบารมีมากกว่า นั่นคือการทำความดี การเข้าช่วยเหลือประชาชน และพร้อมที่จะแก้ไขในพื้นที่หากประชาชนได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งบางครั้งประชาชนเดือดร้อน แต่เบิกงบประมาณไม่ได้ ทางท้องถิ่นจำเป็นต้องใช้เงินส่วนตัวไป เพื่อเร่งแก้ไขให้พี่น้องประชาชนอยู่เป็นสุข นี่แหละเขาเรียกว่าเป็นการสร้างบารมี ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล แต่ถ้าเรียกว่ามีอิทธิพลแบบผิดๆ นั้นก็คือเอาอำนาจที่มีไปรังแกไปข่มขู่ประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งอันใดอันหนึ่ง อันนี้เรียกว่าอิทธิพล แต่นักการเมืองท้องถิ่นที่ตนทราบมา ไม่มีผู้ใดเป็นผู้มีอิทธิพลหรอก เนื่องจากตนเป็นนายกสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย สัมผัสกับนายกจากทั่วประเทศมาแล้ว จึงฝากวอนสื่อมวลชนและประชาชนขอแยกแยะกับคำจำกัดความระหว่างอิทธิพลกับบารมี

รศ.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า ในส่วนด้านเหตุการณ์ที่เป็นข่าวใหญ่โต ของผู้สมัคร สท.ในธัญบุรี และมองว่าคุณพ่อเขา (อดีตนายกเบี้ยว) เป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่นั้น ในส่วนตนมองว่าในช่วงเกิดอุบัติเหตุในตอนนั้น อาจจะเป็นช่วงอารมณ์ ต้องมองประเด็นในตอนนั้น และต่อจากนั้นการเยียวยาต่างๆ ก็เริ่มมาตามลำดับ จึงคิดว่าในส่วนคดีก็เป็นส่วนหนึ่ง การเลือกตั้งก็เป็นอีกส่วน ควรจะแยกออกจากกัน มันคนละเรื่องกัน ซึ่งเรื่องนี้มีผลในการเลือกตั้งไหม ตนก็คิดมันก็มีผล แค่อยากจะให้สังคมแยกกันให้ออกจากกัน ขอให้มีสติให้มากๆ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้น้องพีชเขาก็ร้องไห้หนักมาก และคุณพ่อของเขา (นายกเบี้ยว) เขาก็ขอโอกาสสังคมแล้วมันก็ควรจะจบได้แล้ว และหาคนกลางมาพูดคุยกันมันจะได้จบ

อีกทั้งในส่วนเรื่องภาพลักษณ์ต่างๆ หรือเรื่องการเมืองนั้น ประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาเองว่าเป็นอย่างไร ว่าจะเลือกน้องพีช หรือไม่ แต่จากการที่เห็นในภาพรวมของสื่อต่างๆ ที่ออกไปก็คาดว่าประชาชนในพื้นที่ก็ยังให้การสนับสนุนอยู่ อีกทั้งเหตุการณ์ในสถานการณ์แบบนี้ ตนวอนอย่านำเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะจะทำให้สังคมบอบช้ำ โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับท้องถิ่นเพราะอะไรๆ ก็ท้องถิ่นผิด อะไรก็ท้องถิ่น.