ดราม่าสนั่น โซเชียลแห่แชร์หนังสือลาออก "ปลัดอำเภอหางดง" อ้างเหตุเบื่อหน่ายระบบราชการ-ความอยุติธรรม "นายอำเภอ" แจงแล้วคาดเป็นของปลอม
จากกรณีโลกออนไลน์ แห่แชร์ภาพหนังสือลาออกจากราชการของ นายพีรพันธ์ สิงห์ทองชัย ปลัดอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในหนังสือฉบับดังกล่าวระบุสาเหตุของการลาออกเนื่องจากเบื่อหน่ายในระบบราชการและความอยุติธรรม ลงวันที่ 21 เมษายน 2568 ซึ่งเหตุผลที่ระบุไว้ในหนังสือลาออกฉบับดังกล่าวสร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก พร้อมกับตั้งคำถามถึงที่มาที่ไปของการลาออกในครั้งนี้
ล่าสุด วันที่ 22 เม.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ว่าการอำเภอหางดง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ทราบว่า นายพีรพันธ์ มีตำแหน่งเป็นปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตร ที่ทำการปกครองอำเภอหางดง แต่ไม่ได้พบกับนายพีรพันธ์ โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าได้ออกไปจากอำเภอประมาณ 16.00 น. ที่ผ่านมา
ทางด้าน นายจักรินทร์ สิรินทรภูมิ นายอำเภอหางดง เผยว่า เพิ่งทราบข่าวในช่วงบ่ายวันนี้หลังจากหนังสือฉบับดังกล่าวถูกแชร์ในโลกโซเชียล หลังจากทราบเรื่องจึงเรียกนายพีรพันธ์มาพูดคุยและได้รับการยืนยันจากนายพีรพันธ์ ว่าไม่ได้ทำหนังสือลาออกและไม่ได้มีความต้องการจะลาออกจากราชการ เพราะเหลือเวลารับราชการอีกเพียง 5 เดือนก็จะเกษียณแล้ว ส่วนหนังสือลาออกที่ถูกแชร์ก็ไม่ได้ทำและไม่ทราบว่ามาจากที่ไหน ไม่ทราบต้นตอที่มาที่ไปและวัตถุประสงค์ที่ถูกนำไปแชร์ในโลกโซเชียล
สำหรับ ปลัดพีรพันธ์ทำงานมานานหลายสิบปี ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งในเรื่องงานหรือกับเพื่อนร่วมงานมาก่อน ทำงานมาด้วยความราบรื่นเรียบร้อยดี และไม่น่าจะมีประเด็นอื่น ๆ ที่ชาวเน็ตเชื่อมโยงโดยเฉพาะเรื่องของการประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมนายอำเภอ โดยสอบถามแล้วปลัดพีรพันธ์ซึ่งเหลืออายุราชการอีกเพียง 5 เดือนไม่ได้สมัครเข้าสอบคัดเลือกเพื่อเข้ารับการอบรมหลักสูตรนายอำเภอแต่อย่างใด
...
อย่างไรก็ตาม การลาออกจากราชการก็จะต้องมีระเบียบขั้นตอน โดยจะต้องทำหนังสือส่งถึงปลัดอาวุโส ก่อนจะถูกส่งต่อมาที่นายอำเภอเพื่อพิจารณาและส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตามระเบียบราชการ แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่มีใครเห็นหนังสือดังกล่าว หากมีหนังสือมาตนเองต้องทราบเรื่องแล้วจะต้องเรียกมาคุยในฐานะผู้บังคับบัญชา ซึ่งเรื่องราวที่ถูกแชร์ทางอำเภอได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัดให้ได้ทราบเรื่องแล้ว.