"นายกเบี้ยว" ยอมรับโกรธลูกชาย พร้อมพา "พีช" มอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว พร้อมยืนยันพรุ่งนี้จะเข้าไปพบคู่กรณีเพื่อขอโทษอีกครั้ง
เมื่อเวลา 17.17 น. วันที่ 18 เม.ย. 2568 นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรี ต.ธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หรือ นายกเบี้ยว พา นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ พีช อายุ 28 ปี ลูกชายผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ต.ธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และทนายความเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธิติ พันธ์สวัสดิ์ รอง ผกก. (สอบสวน) ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล และ พ.ต.ท.จำเริญ หนูรัก สว. (สอบสวน) ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล เจ้าของคดี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ที่ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล
ขณะที่ นายพีช เดินเข้าไปในห้องพนักงานสอบสวนทันที โดยขึ้นทางบันไดด้านข้างอาคาร พยายามที่จะเลี่ยงให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ทางด้าน นายกเบี้ยว กล่าวว่า วันนี้พาลูกชายเดินทางเข้ามารับทราบข้อหาขับรถโดยประมาทตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก และในส่วนของรถยนต์ BMW ยังไม่ได้เอามาด้วยในวันนี้ แต่เตรียมที่จะนำเข้ามามอบให้กับตำรวจทางหลวงในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากรถอยู่อีกที่หนึ่ง และเตรียมที่จะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด
ส่วนก่อนหน้านี้ มีการสับสนว่าลูกชายจะยังไม่เข้ามาพบกับตำรวจวันนี้ อาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดพลาดเพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงนักข่าวยังโทรถามตนยืนยันว่ากำลังเดินทางเข้ามา ตอนแรกตนยืนยันว่าจะไม่ได้เดินทางมาจริง แต่พอได้คุยกับพนักงานสอบสวนรับแจ้งกลับมาว่าหากไม่เดินทางมาวันนี้ ต้องออกหมายเรียก ตัดสินใจหันหัวรถกลับมาและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ย้ำว่าไม่หลบหนีอยู่แล้ว
สำหรับเรื่องของคลิปเสียงที่มีการเบ่งกับตำรวจด้วยคำพูดว่ายอมอ่อนให้แล้ว ยืนยันว่าไม่มี แต่หากว่ามีคลิปออกมาต้องยอมรับไปตามสภาพ แต่ลูกชายยืนยันว่าไม่มีการพูดแบบนี้แน่นอน ย้ำว่าตนยอมทุกกรณีอยู่แล้วไม่เคยพูดว่าลูกตนไม่ผิด และขอโอกาสกับสังคมที่ลูกชายตนทำผิดพลาดไป ตนไม่มีอิทธิพลใดๆ หากจะมีอิทธิพลก็มีอิทธิพลในการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น
...
ส่วนจะกระทบกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พ.ค.ที่จะมาถึง นายกฤษฎา ไม่กังวล เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน เพียงแค่อยู่บ้าน แต่หากยังได้รับการไว้วางใจยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ
ทั้งนี้ ย้ำว่าเรื่องนี้ตนย้ำและสั่งสอนตักเตือนนายพีชมาตลอด ในฐานะลูกชายคนเล็กจะต้องคอยสอน ค่อยๆ ตะล่อมหากรุนแรงและแข็งเกินไปลูกชายจะเตลิดได้ ตอนนี้ตนเข้าใจในเรื่องของกฎหมายบ้างแล้ว ครั้งนี้ลูกชายตนเป็นคนผิดต้องขอโทษสังคม ยอมรับว่าโกรธลูกชายและครอบครัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ทำไมลูกชายคนเล็กถึงมีลักษณะแบบนี้
ช่วงระยะหลังอาจจะเจอลูกชายน้อยเกินไป ส่วนลูกชายที่เป็น ส.ส. สังกัดพรรคการเมืองใหญ่มีอารมณ์โมโหน้องชาย แล้วได้พูดคุยกับน้องชายแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงน้องชายแต่ยังไม่เจอกัน ส่วนของภรรยาตนพอรู้ว่าลูกชายคนเล็กไปก่อเหตุแบบนี้ขึ้นร้องไห้เป็นทุกข์
ทั้งนี้ ยอมรับลูกชายอาจจะอารมณ์ร้อนด้วยอายุ หากย้อนกลับไป 40 ปี ตนอาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้แต่ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วทำไม่ได้ ในส่วนที่ลูกชายไม่โทรแจ้งตำรวจในเวลานั้นอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ และลูกชายยังไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุแบบนี้
ขณะที่ นายกฤษฎา ปฏิเสธอีกว่า ไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย และขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนไม่เคยโทรศัพท์หาผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย และไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี
ส่วนช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจทางหลวง นายกฤษฎา มีอารมณ์และพยายามพูดขอกับผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่า อย่าถามคำถามในลักษณะชี้นำหรือจี้ให้เกิดอารมณ์กันเลย เพราะตนและครอบครัวยอมทุกอย่างแล้ว ไม่เคยคิดจะตั้งป้อมสู้และไม่เคยรังเกียจสื่อมวลชน
ภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน นานเกือบ 1 ชั่วโมง นายพีชออกมาจากห้องพร้อมยกมือไหว้และพูดว่าตนขอโทษทุกอย่างไปหมดแล้ว ยืนยันว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปพบคู่กรณี พร้อมย้ำว่าเป็นอุบัติเหตุ ขอโทษอีกครั้ง
ทั้งนี้จังหวะที่นายพีชจะก้าวขึ้นรถยนต์ บังเอิญมีกล้องของช่างภาพสำนักหนึ่งไปกระแทกศีรษะของนายพีช ทำให้นายพีชหันมาด้วยการชักสีหน้า ตะคอกกลับมาที่สื่อมวลชน "ใครโดนหัวผม หัวผมเพิ่งเย็บมา" แล้วก้าวขึ้นรถไป ก่อนที่คนติดตามจะหันมาย้ำกับสื่อมวลชนว่า น้องผมเย็บศีรษะมา
ทางด้าน พ.ต.ท.จำเริญ หนูรัก สว. (สอบสวน) ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล เจ้าของคดี กล่าวว่า แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นอันตรายกับบุคคลอื่น, ใบขับขี่สิ้นอายุ, นำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ โดยนายพีชให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ปรับข้อหาละ 2,000 บาท รวมแล้ว 6,000 บาท.