การเกิดขึ้นของ “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจในการสนับสนุน พัฒนา และสร้าง “สื่อน้ำดี” ให้มีมากขึ้น ในยุคที่สังคมเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร รวมถึงสื่อหลากหลายคุณภาพ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนฯ ในปี 2558 และเริ่มมอบทุนสนับสนุนในปี 2560 เป็นต้นมา กองทุนพัฒนาสื่อฯ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงทีละน้อย ขณะเดียวกัน “ดอกผล” ก็หมายถึงการเกิดขึ้นของผู้ผลิตสื่อรุ่นใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์สื่อน้ำดีมากขึ้น พร้อมกับที่สังคมได้เห็นบทบาทของสื่อประเภทนี้ว่าช่วยสร้างแรงกระเพื่อม และส่งผลกระทบเชิงบวกมากขึ้นด้วย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมพูดคุยในวันที่ย่างก้าวเล็กๆ ของกองทุนพัฒนาสื่อฯ เติบโตขึ้น พร้อมสื่อสารถึงนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ที่อยากร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ผ่านการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อฯ ว่า “สื่อแบบไหนที่กองทุนพัฒนาสื่อฯ กำลังมองหา”

ในวันที่ “สื่อน้ำดี” เผยคุณค่ามากขึ้น…

กองทุนพัฒนาสื่อฯ หนุนนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ ให้ความ “ปลอดภัยและสร้างสรรค์” นำสังคม

ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ แสดงทรรศนะว่าสังคมเดินมาถึงยุคที่ทุกคนสามารถเป็นสื่อได้จากการมีพื้นที่สื่อในมือของตัวเอง แต่ความง่ายดายและอิสรภาพในการสื่อสารก็ไม่ได้มีเพียงผลด้านดี เพราะมาพร้อมความหลากหลายของคุณภาพที่เกินคาดเดา ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อผู้คนและสังคมในมุมลบได้ คำถามคือ แล้วสังคมจะเดินร่วมกันต่อไปอย่างไรในวันที่คุณภาพของสื่อเกินควบคุม คำตอบอยู่ที่การผลิตสื่อน้ำดีให้มากขึ้น เพื่อให้สื่อลักษณะนี้สร้างคุณค่าต่อสังคมในแบบที่มันเป็นมากขึ้น

“สื่อดีๆ สร้างอะไรได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างบางคนชีวิตห่อเหี่ยวท้อแท้ การได้เจอคอนเทนต์ดีๆ สักชิ้นที่ทำให้เขายิ้มได้ ผมถือว่าสิ่งนี้มีความหมายมาก สื่อในกลุ่มสร้างแรงบันดาลใจจึงสำคัญ เช่นเดียวกับสื่อประเภทอื่นๆ อย่างสื่อที่ชี้ให้เห็นปัญหาและเชิญชวนให้ร่วมแสวงหาทางออก สื่อที่ตอกย้ำเรื่องความดีงามที่มีอยู่และเป็นอยู่ สื่อที่ทำให้คนที่ไม่รักกันหรือไม่คิดจะรักกัน หันมารักกันได้ ไปจนถึงสื่อที่ทำให้สังคมที่แบ่งฝักฝ่าย ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็นและไม่ยอมรับความแตกต่าง สามารถมองเห็นว่าเราแตกต่างกันได้โดยไม่ต้องขัดแย้ง ก็เป็นสื่ออีกประเภทที่น่าสนใจ รวมถึงสื่อในกลุ่มที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้คนอยากเดินทางออกไปซื้อของของชาวบ้าน สร้างรายได้ให้กับชุมชน ก็นับเป็นสื่อเชิงบวก เป็นสื่อสร้างสรรค์ที่เราอยากเห็นมากขึ้น”

ดร.ธนกร กล่าวว่าในวันที่ข้อมูลข่าวสารมีมากมายทั้งทางบวกและทางลบ ขณะที่อิสรภาพทางการสื่อสารของผู้คนมีสูง และภาครัฐเปลี่ยนจากระบบควบคุมสื่อมาสู่ระบบกำกับดูแล รัฐก็จำเป็นต้องตระหนักถึงระบบที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนเช่นกัน ซึ่งกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อทำหน้าที่นี้ ผ่านความเชื่อที่ว่า “สื่อดีต้องสร้าง” โดยมีกลไกในการสร้างและผลิตบุคลากรสื่อดีช่วยสนับสนุน ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา กองทุนพัฒนาสื่อฯ ไม่เพียงแค่มอบทุนสนับสนุนในการผลิตสื่อเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสื่อ รวมถึงวางตัวเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยให้ผู้คนตระหนักรู้และเท่าทันสื่อมากขึ้นอีกด้วย

อยากเป็น “นักผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” ไหม?

ในแต่ละปีจะมีคอนเทนต์ หรือ “สื่อน้ำดี” เกิดขึ้น และเริ่มถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้นจากแรงกระเพื่อมที่มีต่อสังคม ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสของนักผลิตสื่อหน้าใหม่ในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลงานที่มีผลกระทบเชิงบวกมากขึ้น ดร.ธนกร ยกตัวอย่างสื่อ หรือคอนเทนต์ ทั้งที่เกิดจากการสร้างสรรค์โดยกองทุนพัฒนาสื่อฯ และที่ร่วมพัฒนากับนักสร้างสื่อ ว่ามีอยู่หลายโครงการที่ประสบความสำเร็จ โดยประเมินจากการสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมได้อย่างน่าสนใจ

“ที่ผ่านมา มีหลายโครงการที่ประสบความสำเร็จ อย่างโครงการที่เราทำเอง “สูงวัยหัวใจยังเวิร์ก” โครงการเพื่อสังคมที่ให้คนสองเจเนอเรชันมาเข้าค่ายอบรมทักษะทางดิจิทัลร่วมกัน โดยเราให้เด็กมัธยมและมหาวิทยาลัยมาเป็นเทรนเนอร์ให้กับผู้สูงอายุ เริ่มสอนกันตั้งแต่ทักษะการใช้สมาร์ทโฟน การผลิตสื่อสร้างสรรค์ ไปจนถึงทักษะการรู้เท่าทันสื่อ โครงการนี้ตอบโจทย์เรื่องการทำงานกับผู้สูงอายุอย่างมาก ไม่เพียงเป็นการเชื่อมโยงเจเนอเรชัน แต่ยังทำให้ผู้สูงอายุเองมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ผู้สูงอายุบางท่านจบจากโครงการนี้ออกไปทำช่องของตัวเอง มีคนติดตามเป็นหลักล้านเลยก็มี”

กองทุนพัฒนาสื่อฯ หนุนนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ ให้ความ “ปลอดภัยและสร้างสรรค์” นำสังคม

โครงการเพื่อสังคมที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ โครงการ “ค่ายเยาวชนไทยรู้เท่าทันสื่อ (Digi Camp)” ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้าค่ายเรียนรู้เรื่องสื่อ ก็ไม่เพียงมอบความรู้ความเข้าใจด้านสื่อเท่านั้น แต่ยังทำให้เยาวชนรู้เท่าทันสื่อและสามารถผลิตสื่อที่มีคุณภาพได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีคอนเทนต์ หรือสื่อที่ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อฯ อีกหลายโครงการ ยกตัวอย่างโครงการที่ถูกเอ่ยถึงในโซเชียลมีเดียอย่างมาก “ผู้เฒ่ากับดาวรุ่ง” รายการที่พาผู้ชมเข้าไปพบกับคนรุ่นใหม่ที่พยายามเรียนรู้ และปรับวิธีคิดการทำงานกับคนรุ่นก่อนในชุมชน เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม ก็ไม่เพียงทำให้มองเห็นวิธีคิดและการทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการชี้ให้สังคมเห็นถึงความสุขของการอยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างของวัย เช่นเดียวกันกับรายการ “มนุษย์ต่างวัย” ที่ไม่เพียงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ที่ช่วยจุดประกายความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างวัยได้มากขึ้น ดร.ธนกร ยังได้ยกตัวอย่างถึงการสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบอื่นๆ อาทิ การ์ตูนแอนิเมชันเรื่อง “สัมมาทิฏฐิ ทะลุมิติมายา” ที่นำหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนามาสอดแทรกในเรื่องราว จำนวน 84 ตอน จนถึงผลงานในรูปแบบภาพยนตร์ที่ได้รับทุนสนับสนุนการผลิตจากกองทุนพัฒนาสื่อฯ อย่าง HANUMAN White Monkey (ปี 2565) A Time to Fly “บินล่าฝัน” (ปี 2566) และเร็วๆ นี้ยังเตรียมจะเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง พระร่วงพระราชาผู้ทรงธรรม อีกด้วย

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักผลิตสื่อหลากหลายกลุ่มจึงถือเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่ร่วมขับเคลื่อนสังคมไปพร้อมกัน โดยในปีนี้กองทุนพัฒนาสื่อฯ อยู่ในช่วงเปิดรับการเสนอโครงการเพื่อขอทุนสนับสนุนการผลิตสื่อประจำปี 2568 คำถามคือ “แล้วโครงการแบบไหนที่กองทุนพัฒนาสื่อฯ กำลังมองหา” ดร.ธนกร กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ

“กองทุนพัฒนาสื่อฯ ใช้เกณฑ์ 5 เกณฑ์ในการพิจารณาโครงการ 1) โครงการนั้นๆ จะต้องมีแก่น แกน หรือธีมที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุน อาทิ ส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม หรือเป็นโครงการที่สามารถทำให้คนมีความสุขในสังคมที่มีความหลากหลายได้หรือไม่ เป็นต้น 2) ผู้เสนอโครงการพึงระลึกว่าโครงการที่นำเสนอต้องมีผลงานด้านผลิตสื่อเป็นหัวใจหลัก หากมีงานวิจัยในโครงการ หรือกิจกรรมอื่นประกอบ ก็ต้องจบด้วยการผลิตชิ้นงานสื่อของโครงการที่เสนอ 3) ผู้เสนอโครงการต้องมองให้ออกว่าโครงการที่จะทำนั้น สร้างผลกระทบเชิงสังคมอย่างไร หรือสามารถใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสารแนวคิดออกไปสู่สังคมอื่นๆ ได้อย่างไร 4) ความสมเหตุสมผลในการตั้งงบประมาณ คุณภาพของงานที่สะท้อนออกมาเป็นราคาของการผลิตชิ้นงาน และ 5) ตัวผู้รับผิดชอบโครงการมีความสอดคล้องกับโครงการที่นำเสนอมากน้อยเพียงใด มีความเป็นไปได้ในการผลิตผลงานแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่อยากให้คำแนะนำเพิ่มเติมนั่นคือ เวลาเขียนโครงการจากการยกปัญหาตั้งต้นขึ้นมาหนึ่งปัญหา ผู้เสนอโครงการต้องทำให้คนอื่นมองเห็นร่วมกันให้ได้ว่า เรื่องนั้นคือปัญหาจริงๆ และต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อสร้างการรับรู้ในเรื่องนั้นๆ ขึ้น ยกตัวอย่างเราพูดถึงปัญหาเด็กซึมเศร้า หรือปัญหาเรื่องการเตรียมด้านการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต ก็ต้องเสนอโครงการในมุมที่จะช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมให้ได้”

ก้าวต่อไปของกองทุนพัฒนาสื่อฯ

นอกจากจะมีโอกาสได้เห็นผลงานการผลิตสื่อจากนักผลิตสื่อหน้าใหม่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยการจับมือกันของกองทุนพัฒนาสื่อฯ และหน่วยงานระดับจังหวัดในอนาคตอันใกล้ คือการก่อตั้งพื้นที่การเรียนรู้ (Media Learning Space) ขึ้นในส่วนภูมิภาค เพื่อขยายการสนับสนุนการทำงานผลิตสื่อและการเรียนรู้ด้านสื่อให้ถึงระดับชุมชนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็เสริมการทำงานในส่วนที่กองทุนพัฒนาสื่อฯ ทำมาอย่างต่อเนื่อง อย่างการทำกิจกรรม กองทุนพัฒนาสื่อฯ สัญจร ไปตามภูมิภาคต่างๆ โดย ดร.ธนกร ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายของกองทุนพัฒนาสื่อฯ ใน 3 ระดับ

กองทุนพัฒนาสื่อฯ หนุนนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ ให้ความ “ปลอดภัยและสร้างสรรค์” นำสังคม

“กองทุนพัฒนาสื่อฯ มีเป้าหมายระยะสั้นคือ การมีแหล่งเงินทุนที่มั่นคง ด้วยการแก้ไขกฎหมายที่จะกำหนดสัดส่วนการได้รับงบประมาณจากหลากหลายแหล่ง ทั้งจาก กสทช. และงบประมาณแผ่นดินของรัฐ เราอยากเห็นการแก้ไขระเบียบที่เปิดโอกาสการขอทุนที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย รวมถึงรองรับหลักเกณฑ์หลายหลักเกณฑ์ นอกจากนี้ก็มีเป้าหมายระยะกลาง คือการทำงานที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน รวมถึงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ ตั้งแต่การรณรงค์เรื่องการรู้เท่าทันสื่อร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อย่างประสบความสำเร็จและกว้างขวาง รวมถึงอยากเห็นผลงานทั้งจากผู้ร่วมโครงการและงานจ้างผลิต ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม และอยากเห็นบุคลากรที่เราพัฒนาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือ กองทุนพัฒนาสื่อฯ ตั้งเป้าจะเป็นสถาบันหรือองค์กรภาครัฐที่ทำงานแบบเอกชนที่เป็น Smart Organization สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งเป็นหน่วยงานหลักในการสร้างกระบวนการรณรงค์ทางสังคม และส่งเสริมให้การผลิตสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ส่งผลกระทบเชิงบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศ นั่นแปลว่าเป้าหมายของเราคือ ไม่เพียงผลิตสื่อหรือทำคอนเทนต์ให้คนรู้สึกดีเท่านั้น แต่จะปูทางสู่อนาคตเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศอีกด้วย”

สำหรับผู้สนใจเสนอโครงการเพื่อรับทุนสนับสนุนการผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ หรือช่องทางเฟซบุ๊ก “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” โดยยื่นเสนอโครงการได้จนถึง 31 มีนาคม 2568 ภายใน 16.30 น. นี้