การเกิดอุบัติเหตุโครงสร้างทางยกระดับบริเวณหน้าด่านฯ ดาวคะนอง ของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 ซึ่งสร้างคร่อมถนนพระราม 2 ทรุดตัวลงมา ส่งผลให้มีคนเจ็บและคนเสียชีวิตจำนวนมาก เมื่อเช้าช่วงของวันเสาร์ที่ผ่านมา

ส่งผลให้คนไทยจำนวนมากตั้งข้อสังเกตถึงมาตรฐานการก่อสร้างของไทย ท่ามกลางความพยายามเร่งรัดการก่อสร้างถนนพระราม 2 ของกระทรวงคมนาคม เพื่อปิดจบให้การก่อสร้างถนนเจ็ดชั่วโคตรให้จบได้ภายในปีนี้ เพราะหากนับจากปี 2563 ที่ผ่านมา อุบัติเหตุครั้งนี้ นับเป็นอุบัติเหตุใหญ่ครั้งที่ 9 และเชื่อได้ว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

โดยแม้ว่าในเบื้องต้นจะมีการเปิดเผยว่า การถล่มของคานดังกล่าว มีสาเหตุมาจากการเทคอนกรีตในปริมาณมากเกินไป ทำให้โครงสร้างหลักถล่มลงมา ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาในเชิงเทคนิค ความผิดพลาดของการคำนวณ หรือความผิดพลาดการดำเนินการระหว่างการก่อสร้าง

แต่อย่างไรก็ตาม สังคมโซเชียลยังคงตั้งข้อสงสัยถึงสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่า ข้อเท็จจริงเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเป็นการเกิดขึ้นซ้ำซากบ่อยครั้ง โดยควรจะมีการแถลง ชี้แจงให้ชัดเจนโปร่งใส ถอดบทเรียนอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง ว่าเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงไปถึงใคร และกระบวนการใด เพื่อป้องกันการเกิดขึ้นซ้ำๆอีกในระยะข้างหน้า

โดยบางรายอยากสอบย้อนกลับไปตั้งแต่ความโปร่งใสของการประมูลงาน การเลือกผู้รับเหมา ทั้งรายใหญ่และผู้รับเหมาช่วง ซึ่งจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างขั้นสูง ใช้วัสดุก่อสร้าง และเทคโนโลยี ว่าได้ดำเนินงานตามสเปกของโครงการ มีการเปลี่ยนแปลงสเปกของวัสดุ มาตรฐานการก่อสร้าง รวมทั้งมีการดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยในระดับที่ยอมรับได้ในทุกขั้นตอนหรือไม่

นอกจากนั้น ยังทวงถามถึงการจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้รับเหมาก่อสร้าง เช่น มาตรการแบล็กลิสต์ผู้รับเหมาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ตัดสิทธิ์การประมูลงานรัฐ รวมทั้ง ออกบทลงโทษที่ปรึกษาควบคุมงานที่ปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมีการกล่าวถึงมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการจริง

...

ก่อนที่จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่สร้างกระแสความไม่มั่นใจว่า ถนนของเมืองไทยที่ก่อสร้างกันอยู่และก่อสร้างเสร็จแล้วมีความปลอดภัยแค่ไหนในการใช้รถใช้ถนน

ที่สำคัญที่สุด การดำเนินการดังกล่าวควรจะเริ่มต้นให้เร็วที่สุด และไม่ได้กำหนดแค่เพียงโครงการก่อสร้างเมกกะโปรเจกต์ ถนน รถไฟ รถไฟฟ้าของกระทรวงคมนาคม ซึ่งจ่อรอลงทุนอยู่อีกหลายแสนล้านบาทเท่านั้น

แต่ควรจะรวมไปถึงทุกโครงการในการประมูลโครงการภาครัฐ ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงอภิมหาโปรเจกต์...เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกเหนือจากความปลอดภัย ยังจะช่วยให้ประเทศไทยหมดยุคความไม่โปร่งใส ล็อกสเปก ฮั้วประมูล ขจัดคอร์รัปชันไปในครั้งเดียว.

มิสเตอร์พี

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม