เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 20 มี.ค.68 วันมหามงคลของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และปวงชนชาวไทย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ “SAT–1 และทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 3” ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ

ภายในระยะเวลาปีเศษๆที่ “SAT–1” เปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการ (Soft Opening) ตั้งแต่เดือน ก.ย.66 ที่ผ่านมา หากใครมีโอกาสเดินทางเข้า-ออก ใช้บริการที่อาคาร “SAT–1” แล้ว ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นอาคารที่สวยงาม ทันสมัย โอ่โถง โปร่งสบาย แถมมีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย จนใครๆก็อยากให้เที่ยวบินของตัวเองขึ้นที่ “SAT–1” กันทั้งนั้น

นอกจากสนามบินจะเป็นประตูบานแรกที่รับผู้โดยสาร นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าสู่ประเทศแล้ว อาคาร “SAT–1” ยังจะเป็นแรงส่งสำคัญให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบินในภูมิภาค ที่ใครๆก็อยากให้เที่ยวบินของตัวเองขึ้นที่ “SAT–1” กันเป็นแถว

...

กว่าปีเศษที่เปิดทำการ ณ วันนี้ อาคาร “SAT–1” มีสายการบินทำการบินขึ้น–ลง ไม่ต่ำกว่า 50 สายการบิน มีเที่ยวบินให้บริการกว่า 60,067 เที่ยวบิน ผู้โดยสารผ่านเข้า–ออกรวมกว่า 13,958,104 คน  และเมื่อมีการสำรวจความพึงพอใจจากนักท่องเที่ยว พบว่าได้คะแนน 4.8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

นอกจากการให้บริการผู้โดยสารแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์ของ “SAT–1” ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือการออกแบบ โดยทาง ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เล่าว่า “อาคาร SAT-1” เป็นสถาปัตยกรรมการออกแบบที่นำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัย โดยคำนึงถึงความยั่งยืน โดยแนวคิดการออกแบบมาจากป่าหิมพานต์ ป่าในวรรณคดีไทย เพื่อสะท้อนความเป็นไทยให้นักท่องเที่ยวและนักเดินทางได้สัมผัส

จึงมีการนำเอาภาพของป่าหิมพานต์ สัตว์ที่อยู่ในวรรณคดี สัตว์ที่เป็นตัวแทนของประเทศอย่างช้าง มาตั้งแสดงอยู่บริเวณโถงกลางของชั้น 3 อาคารผู้โดยสารขาออก ส่วนปลายอาคารทั้ง 2 ด้าน คือทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ติดตั้งสุวรรณบุษบกและรัตนบุษบก ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธปฏิมาปางมารวิชัย และปางเปิดโลก โดยถอดแบบมาจากวัดผาซ่อนแก้ว ส่วนภายในชั้น 3 ของอาคารออกแบบให้เป็นสวน ตกแต่งด้วยสัตว์หิมพานต์ตามคติความเชื่อไทย อาทิ กินนร, กินรี, เหมราช และหงส์สา

ส่วนชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาเข้า ได้รับการออกแบบเป็นสวนสัญจร จัดแสดงงานภูมิทัศน์ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมของไทย เช่น หุ่นละครเล็ก, หนังใหญ่, หัวโขน, ว่าวไทย เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการออกแบบพื้นที่นั่งพักคอย ให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย โปร่งไม่เหมือนนั่งอยู่ในสนามบิน

นอกจากจุดเด่นในการออกแบบแล้ว อาคาร “SAT–1” ยังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ๆ เช่น การได้รับการยกย่องจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ให้ติดอันดับ 1 ใน 6 ท่าอากาศยานที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2567 (The World’s most beautiful List 2024)

ขณะที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT–1) ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัล Prix Versailles หมวดหมู่สนามบิน จากคณะกรรมการ The Prix Versailles Selection Committee ซึ่งร่วมกับ UNESCO โดยเกณฑ์การให้คะแนนมาจากการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในด้านความงาม ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมที่ผสมผสานกับบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อม

...

และล่าสุด สายการบินเอมิเรตส์ ์ สายการบินประจำชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งถูกจัดให้เป็น 1 ใน 5 สายการบินที่ดีที่สุดในโลก มีฐานการบินหลักที่กรุงอาบูดาบีและเมืองดูไบ ยังประกาศการลงทุนสร้างห้องรับรองผู้โดยสารหรือ Lounge (เลานจ์) ที่อาคาร SAT–1 ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากดูไบ

ความสำเร็จของ SAT–1 จึงถือเป็น 1 ในอาวุธลับสำคัญของ ทอท. ในการบรรลุเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค เป็นเครื่องยนต์หลักที่จะทำให้  “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ติด 1 ใน 50 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกในปี 2568 ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ และภายใน 5 ปี ขยับขึ้นไปติด 1 ใน 20 ท่าอากาศยานที่ดีสุดในโลก.

สุรางค์ อยู่แย้ม


คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม