รัฐบาลสั่งการเข้มช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.67 ถึงวันที่ 2 ม.ค.68 บังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหา วางมาตรการละเอียดยิบ เน้นเมาแล้วขับเพราะทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากทุกปี ย้ำใครทำผิดซ้ำโดนโทษจำคุกและปรับหนักขึ้น ด้าน “บิ๊กต่าย” เด้งรับนโยบายสั่งทุก กองบัญชาการระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 17-23 ธ.ค.67 พร้อมตั้ง “ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568” ระดับ ตร. และ บช.คุมเข้มข้นตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.ถึงวันที่ 9 ม.ค. รวมทั้งเปิด “โครงการร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)” รับฝากบ้านประชาชน เพื่อมอบความปลอดภัยเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนด้วย
รัฐบาลและตำรวจหลายหน่วยวางมาตรการเข้มช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 จากสถิติตัวเลขความสูญเสียช่วงเทศกาลปีใหม่ 3 ปีย้อนหลังพบว่า ปี 2565 เกิดอุบัติเหตุ 2,707 ครั้ง บาดเจ็บ 2,672 คน และเสียชีวิต 333 คน ปี 2566 เกิดอุบัติเหตุ 2,440 ครั้ง บาดเจ็บ 2,437 คน และเสียชีวิต 317 คน ปี 2567 เกิดอุบัติเหตุ 2,288 ครั้ง บาดเจ็บ 2,307 คน และมีผู้เสียชีวิต 284 คน สาเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 40.6 เปอร์เซ็นต์ ตัดหน้ากระชั้นชิด 23.31 เปอร์เซ็นต์ ดื่มแล้วขับ 14.29 เปอร์เซ็นต์ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 87.01 เปอร์เซ็นต์ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี รวม 19.67 เปอร์เซ็นต์
“รัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดแผนปฏิบัติงานเทศกาลปีใหม่ 2568 ช่วงคุมเข้มตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2567 ถึงวันที่ 2 ม.ค.2568 บังคับใช้กฎหมายเน้น 10 ข้อหา เน้นหนักเรื่องการดื่มแล้วขับ ซึ่งในปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมามีการจับกุมข้อหาเมาแล้วขับสูงถึง 20,917 ราย และจะตรวจสอบประวัติผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับเมาแล้วขับที่กระทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เพื่อส่งฟ้องต่อศาลให้ได้รับโทษสูงขึ้น สำหรับผู้กระทำความผิดที่เป็นเด็กและเยาวชน จะสืบสวนขยายผลไปยังร้านค้าที่จำหน่ายสุรา โดยมีบัญชีร้านค้าเสี่ยงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลย หรือสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนดื่มสุราตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก” น.ส.ศศิกานต์กล่าว
...
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า บทลงโทษดื่มแล้วขับหากทำผิดครั้งแรก มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 ถึง 20,000 บาท ทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับภายใน 2 ปี นับแต่วันกระทำผิดครั้งแรก เพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000 ถึง 100,000 บาท ถูกพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ รัฐบาลมีความห่วงใยความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนตลอดการเดินทางช่วงเทศกาล ขอให้ทุกคนมีสติ ดื่มไม่ขับ กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
ด้านนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่จะถึง คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินช่วงระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2567 ถึงวันที่ 2 ม.ค.2568 รวม 7 วัน จะมีเที่ยวบินรวม 18,280 เที่ยว เฉลี่ย 2,611 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในปี 2568 อุตสาหกรรมการบินในประเทศจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน คาดจะมีเที่ยวบินทั่วประเทศประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน ภายใต้แนวคิดไอสมาร์ต (I-SMART) ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวให้มีความรวดเร็วและปลอดภัย รองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น
“การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองเพิ่มเป็น 57-60 เที่ยวบินต่อชั่วโมง จากเดิม 52 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังขยายขีดความสามารถด้านการปฏิบัติการบิน และการกำหนดความเร็วของอากาศยานให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์และคำแนะนำการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลทั่วทุกบริเวณอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการควบคุมการจราจรทางอากาศและวิศวกร รวมถึงเตรียมมาตรการรองรับในกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ใช้บริการเดินทางอย่างปลอดภัย ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ” นายอนุกูลกล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า เนื่องจากมีวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.ถึงวันที่ 1 ม.ค. มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาและพักผ่อนในแต่ละภูมิภาค ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และเพื่อเป็นการมอบความปลอดภัยเป็นของขวัญให้ประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 จึงออกมาตรการเข้มและกำชับหน่วยต่างๆให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สั่งการทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันคริสต์มาสและวันหยุดยาวปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 17-23 ธ.ค.2567 ทั้งความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป เช่น การพนัน ยาเสพติด อาวุธปืน และความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งตรวจสอบติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับค้างเก่า กวดขันจับกุมผู้ยิงปืนขึ้นฟ้า เล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด และปล่อยโคมลอยลักษณะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ หรือลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน หรือรบกวนการจราจรทางอากาศ ป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง การรวมกลุ่มหรือมั่วสุม ออกเดินทางป้องกันและแก้ไขปัญหาเหตุทะเลาะวิวาทในสถานพยาบาลและกลุ่มวัยรุ่นต่างๆ เพิ่มวงรอบตรวจตราแหล่งมั่วสุม สวนสาธารณะ สถานบริการ สถานบันเทิง สถานีขนส่ง โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมายทุกประเภท รวมทั้งป้องกันการโจรกรรมลักทรัพย์ในเคหสถานของประชาชน ให้ดำเนินการตาม “โครงการร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)” รับฝากบ้านประชาชนระหว่างวันที่ 21 ธ.ค.2567 ถึงวันที่ 2 ม.ค.2568
...
“สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568” ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและระดับกองบัญชาการ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คุมเข้มข้นตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.ถึงวันที่ 9 ม.ค. และให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อมุ่งเน้นการลดอุบัติเหตุทางถนนตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ กรณีเกิดอุบัติเหตุให้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทุกราย ตรวจสอบประวัติการทำผิดซ้ำ หากผู้ขับขี่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุรา และให้สอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวด้วยว่า หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพบเบาะแสอาชญากรรม ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย แจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วนศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 และหากพบอุบัติเหตุ ขอความช่วยเหลือ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางต่างๆในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โทร.สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 ส่วนพื้นที่เส้นทางหลวง ทั่วประเทศโทร.สายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่