สสจ.อุดรธานี ลงตรวจร้านนวดมรณะ เหตุ “ผิง ชญาดา” เสียชีวิต ผจก.ร้าน เข่าอ่อน ปัดที่ร้านไม่มีบริการนวดบิดคอ หักคอ เพราะมันอันตราย ชี้เต็มที่ก็แค่ดัดเอว พร้อมระบุจำไม่ได้ ใครนวดให้ผู้เสียชีวิตเป็นคนแรก ยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากกรณี ผิง ชญาดา นักร้องลูกทุ่งหมอลำสาว ชาว ต.บ้านแดง อ.พิบูลรักษ์ จ.อุดรธานี ไปนวดคอ บ่า ไหล่ ที่ร้านนวดแผนโบราณ ริมสวนสาธารณะหนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี 3 ครั้ง มีการหักคอ 2 ครั้ง ทำให้แขนและขาชา ป่วยเป็นอัมพาต ติดเตียงและเป็นเจ้าหญิงนิทรา เสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 8 ธันวาคม 2567 โดยเพจเฟซบุ๊กของรถแห่ โอปอมิวสิค อุดรธานี ได้โพสต์รูปภาพน้องผิง ชญาดา พร้อมข้อความ โพสต์ไว้อาลัย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านนวดแผนโบราณแห่งหนึ่ง ริมสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ถนนเทศา เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นร้านนวดที่น้องผิง ชญาดา ภูพร้าว อายุ 20 ปี นักร้องลูกทุ่งหมอลำสาว มาใช้บริการ ก่อนมีอาการกระดูกคอทับเส้นประสาท แขนขาชา เป็นอัมพาต และเป็นเจ้าหญิงนิทราเสียชีวิตในที่สุด
...
เมื่อเดินทางไปถึง พบ น.ส.สุมิญชยา สังฆทิพย์ นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 8 อุดรธานี นางศุทธินี เหลือวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข จ.อุดรธานี นายสมชาย ชิณวานิชย์เจริญ หัวหน้ากลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจร้านนวดเพื่อสุขภาพดังกล่าว ว่ามีใบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ประเภทนวดเพื่อสุขภาพ
พบหมอนวด 2 คน มีใบขึ้นทะเบียน ส่วนอีก 5 คน อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ หากไม่มีใบขึ้นทะเบียนจะผิดกฎหมาย จะเป็นหมอนวดเถื่อน ไม่สามารถให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและเก็บข้อมูล โดยไม่ให้สัมภาษณ์ ซึ่งวันที่ 9 ธ.ค. นายแพทย์สาธารณสุขจ.อุดรธานี จะแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์เอง
ด้าน นางนิชาภา อายุ 60 ปี ชาวอุดรธานี ผู้จัดการร้านนวด ชี้แจงว่า ร้านนวดที่นี่เปิดมาตั้งแต่ปี 2548 หมอนวดแผนโบราณที่ร้านมีจำนวนไม่แน่นอน แล้วแต่บางวัน บางครั้งก็เป็น 10 คน บางครั้งก็เหลือ 4-5 คน แล้วแต่จังหวะที่หมอนวดจะมีงานที่อื่น ไปทำงานที่พัทยา ภูเก็ต หรือต่างประเทศ หมอนวดส่วนมากก็จะมาทำชั่วคราว คนที่จะมานวด เราก็จะตรวจสอบว่ามีใบอนุญาต มีการขึ้นทะเบียนหรือไม่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ทำงานนานหรือไม่
ถามว่ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นนวดน้องที่เสียชีวิต เราก็ไม่ทราบ พอลูกค้าเข้ามา เราก็จำไม่ได้ว่ามีลูกค้าคนไหน เข้ามาเมื่อไหร่ แต่ถ้าหากมานวดวันนี้ หรือพรุ่งนี้ เราก็พอจะนึกออกอยู่บ้าง แต่เห็นว่าตามข่าวที่บอก คือ มานวดช่วงตุลาคมปีนี้ ไม่ว่าจะหมอนวดหรือลูกค้าเอง ก็คิดว่าคงจะจำไม่ได้แน่นอน ว่าเคยนวดใครคนไหน เพราะเป็นการไล่เป็นตามคิว วันต่อวัน แต่ก็จะมีอีกประเด็น คือ ลูกค้าประจำที่จะมีหมอนวดประจำ ที่มาใช้บริการบ่อยๆ อันนั้นเขาจะจำกันได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่ เขามาถามหา เราก็ไม่รู้ว่าเคยนวดกับใคร
“ส่วนน้องคนนี้ กรณีนี้ เราไม่รู้ว่าเขามานวดวันไหน บอกตรงๆ ว่าไม่รู้เรื่องเลย ส่วนการนวดหักคอ ส่วนมากหมอนวดที่เราเรียนมานั้นมันไม่มี มันเป็นข้อห้าม แต่หมอนวดที่มาทำงานบางคน ที่ผ่านงานกรุ๊ปทัวร์ ไปต่างประเทศมา หรือไปเรียนรู้จากที่อื่นมา เราก็ไม่รู้ ส่วนมากลูกค้าจะคุยกับหมอนวดตัวต่อตัวว่า วันนี้ไม่ดัดนะ ไม่หักนะ ไม่ดึงนะ นวดเบาๆ ไม่เอาหนัก แล้วแต่ลูกค้าต้องการ แต่บางคนก็บอกอยากดัด หักคอ แต่เราก็จะบอกว่าที่นี่ไม่มีหักคอ มันอันตราย เราก็จะบอกไป แต่ถ้าหากลูกค้าเขาคุยกัน 2 คน เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาสื่อสารกันยังไง แต่ยืนยันว่าที่นี่ ตามที่เรียนมา ไม่มีหักคอ ไม่มีดัดคอ เต็มที่ก็แค่ดัดเอว อย่างอื่นเราไม่มี การดัดคอมันอันตรายอยู่แล้ว มีเส้นประสาทที่สำคัญอยู่แล้ว เราก็ไม่รู้ว่ามันอันตรายแบบไหน เพราะก็ไม่ได้เรียนมา”
...
ผจก.ร้านนวด ชี้แจงอีกว่า วันนี้ทราบข่าวตอนเที่ยง ตอนแรกเขายังไม่ระบุว่าห้องไหน สักพักก็ทราบว่าระบุเป็นห้องนี้ เราก็พยายามเช็กว่าหมอนวดคนไหนที่ดัดคอเป็นบ้าง คนที่นวดครั้งที่ 3 ของน้องยังอยู่ แต่คนนวดคนแรกนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เห็นข่าวแล้วก็ตกใจ เข่าอ่อนหมดแล้ว ไปไม่เป็น เสียใจที่มารู้ว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแบบนี้ เราก็ระวัง บอกลูกค้าอยู่ว่า ถ้าอาการหนักให้ไปหาหมอ การนวดมันก็ได้แค่นิดๆ หน่อยๆ แต่การบิดคอ เราไม่รู้จริงๆ ว่าใครบิดบ้าง แต่ของตนเองไม่มีการบิด ไม่ได้เรียนมาแบบนี้ เพราะมันอันตราย มันเป็นคอ ถ้ามันหักไปจะทำอย่างไร