สาวนักธุรกิจอสังหาฯ เปิดใจ หลังถูกญาติหลอกให้ลงทุน "สินค้าออนไลน์" กับบริษัทดัง เกือบสูญเงินไป 5 แสน บอกต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนที่สูญเสีย
วันที่ 9 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณซู่ซี่ ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ลงทุนสินค้าออนไลน์กับบริษัทดัง ได้เล่าว่า เหตุการณ์ทั้งหมด เกิดเมื่อปี 2565 มีญาติคนหนึ่งติดต่อมา ตอนนั้นตนอยู่ต่างประเทศ ว่ามีการลงทุนเป็น passive income ลงทุนไปแล้ว เราจะได้เป็นหุ้นส่วนบริษัท โปรโมชั่นวันนี้วันสุดท้าย โทรแบบมาด่วนมาก เปิดดีลเลอร์โดยได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายยาสีฟันหลอดละ 5 บาท แต่ส่วนแบ่งนั้น คือยอดขายของยาสีฟันของบริษัททั้งหมด ยอดขายที่ได้และกำไรที่ได้ ได้เยอะแน่นอน กำไรที่เราลงไปได้คืนแน่นอน
ตนก็ไม่ได้สนใจ ไม่ได้อยากทำ แต่เห็นว่าเขาเป็นญาติ แล้วเขาเพิ่งทำงาน ส่งข้อมูลบริษัทมาให้ดู ตนเห็นว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ก็ถามว่าแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่ใช่ บอกว่ามีสินค้าขายเองเป็น passive income ตอนนี้ทำออนไลน์ ไม่ต้องทำอะไรเลย เขาทำให้ทุกอย่างไม่ต้องสต๊อกของ แค่เราเปิดดีลเลอร์ จัดการให้หมด ก็ถามว่าแน่ใจนะว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งหมด เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ไม่เอานะ เขาก็บอกว่าไม่ต้อง ทำให้หมด จึงบอกว่าโอเคช่วยๆ ไป แล้วเปิดดีล 200,000 กว่าบาท เป็นโปรโมชั่นยาสีฟัน
จากนั้น เขาก็โทรไปหาน้าตนที่ต่างประเทศ บอกในลักษณะเดียวกัน passive income ได้เงินต้นได้กำไรได้คืนแน่นอน การันตีโดยไม่ต้องทำอะไรเลย น้าก็ช่วย 2 คน เปิดดีลเลอร์ 4 แสนกว่าๆ เขาขอบัตรประชาชนเพื่อยืนยันการสมัคร จึงส่งให้เขานำบัตรประชาชนเราไปสมัครทำเองทุกอย่าง เบิกของเองโดยที่เราไม่รู้เรื่องเลย เรามารู้ทีหลังเหมือนเขามาทำสมัครในระบบพยายามยัดเยียดที่จะพาเราเข้ากลุ่มของแม่ทีมคนนี้ชื่อตัวย่อ ส. ดึงเราเข้าไปพูดโน้มน้าวใจเรา ซึ่งในกลุ่มมีเรียนมีการสอนออนไลน์ มีการสอนยิงแอดว่า ตอนนี้กระแสออนไลน์มาแรง เราต้องรู้ ถ้าอย่างนั้นเราไม่รอดในยุคนี้ เราก็งงว่าไหนว่าไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ก็ไม่กล้ากดออกเกรงใจ คิดว่าเป็นญาติเรา
...
หลังจากนั้นก็เริ่มให้อัดวิดีโอหน่อย ว่าเข้าเรียน 98 บาท 89 บาท บอกว่าให้เราพูดว่า เรียนคลาสนี้ 89 บาท พลิกชีวิตนะ เราก็บ่ายเบี่ยงไปว่าไม่ว่าง แล้วก็คิดว่าจะพูดทำไมในเมื่อเราไม่ได้ทำ เราไม่ได้เรียน 89 บาทพลิกชีวิตจริง แล้วก็เอะใจมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะเขาพูดตลอดว่าอัดมาให้หน่อย แถมมาบอกกันอีกว่าไปออกรายการทีวีเป็นเพื่อน หลอกล่อว่าน้องชายเขาก็ทำหลายคนหมดเลย แล้วติดต่อให้เราไปเปิด event ที่ต่างประเทศด้วย
นอกจากนี้ยังมีการส่งวิตามินมาให้คุณยายกินเป็นลัง ก็คิดว่าเขาขายไม่ได้หรือเปล่า แต่เขาบอกว่าเขาขายสินค้าได้ยิงแอดทุกวัน ผ่านไป 4 เดือน เขาแจ้งว่าของหมดสต๊อกแล้ว ต้องจ่ายค่าวิตามินเป็นจำนวน 500,000 บาท บาท ยายก็ตกใจว่าวิตามินที่ให้มาเป็นเงินเกือบ 500,000 บาท ได้อย่างไร เราพยายามจะคุยดีๆ ว่าเป็นไปไม่ได้ว่าในระยะเวลาภายใน 4 เดือน ยายจะกินหมดไปขนาดนั้น จึงบอกให้เช็กดีๆ จะให้เรารับผิดชอบได้อย่างไร อีกทั้งเขายังเป็นคนส่งมาให้เองโดยพลการ
เราคิดว่าเราโดนหลอก จึงโทรไปบริษัท แต่ทางบริษัทบอกว่าเขาไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้นให้โทรหาแม่ทีมเอง ทางแม่ทีมเขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้หลอกลวง จึงมีการเรียกให้ทนายมาคุยกัน ซึ่งหลังจากนั้นทางครอบครัวของญาติที่พาเราลงทุนก็เกลียดเราไปเลย จากนั้นเราจึงส่งหลักฐาน ส่งรายละเอียดทุกอย่าง ทั้งคลิปเสียงให้ทนายดู ซึ่งทนายก็บอกว่าเป็นการฉ้อโกง ขาดหลักฐานแค่อย่างเดียว คือที่เขาพูดคำว่า passive income เพราะตอนเขาโทรมา จึงบอกว่าจะฟ้องอาญาไป และให้ทนายยื่นเรื่องให้ทางฝั่งนั้นคืนเงินให้เราไม่อย่างนั้นจะดำเนินคดี
แต่แม่ทีมคนนี้ก็ไม่ยอมจ่าย บอกว่าทำอย่างไรก็ไม่ยอมจ่าย เขาบอกว่าเขาไม่ผิด เราจึงให้ทนายจัดการให้ศาลเป็นคนพิจารณาเอง แต่กลับถูกทนายบริษัทเขา โทรไปหาคุณตาคุณยายของเรา บอกว่าบริษัทเขาใหญ่ มีทนายที่เก่ง บอกว่าสู้ยังไงก็แพ้เขา แต่เรามีหลักฐานที่เพียงพอ จึงเดินหน้าสู้คดีต่อ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจชดใช้ค่าเสียหายคืนให้ แต่ขอจ่ายแบบไม่เต็มจำนวน และให้เซ็นยินยอมว่าโอนให้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ พบว่าในโซเชียลของเขานั้นมีการโพสต์อวดความร่ำรวย แต่งตัวหรู ว่าทำงานที่นี่พลิกชีวิตรวดเร็ว ได้เงินหลายล้าน แต่เรารู้ว่ามันคือการโพสต์หลอกลวงประชาชนให้คนอื่นหลงเชื่อ ซึ่งในตอนนี้มีคนส่งข้อความมาหาตนเยอะมากว่าช่วยเป็นกระบอกเสียง เป็นตัวแทนหมู่บ้านให้เขาหน่อย บางคนเป็นคนแก่ที่เงินเกษียณก้อนสุดท้ายก็ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุน แต่กลับไม่ได้รับของ สุดท้ายตนเลยโทรหาตำรวจไซเบอร์ ได้รับคำตอบว่า ถ้าเป็นแชร์ลูกโซ่ก็สามารถแจ้งตำรวจได้เลย จึงตัดสินใจไปหาทนาย เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนที่สูญเสีย ซึ่งเรารับไม่ได้.