ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ มอบรางวัลนักการเงินแห่งปีให้ สาระ ล่ำซำ ธนาคารแห่งปีให้ กฤษณ์ จันทโนทก ธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยแห่งปีให้ วิทัย รัตนากร บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปีให้ จิตติพร จันทรัช โดยมี สันติ วิริยะรังสฤษฎ์ มาร่วมงานด้วย ที่ รร.ไฮแอท รีเจนซี่ วันก่อน.
จิตใจที่สงบ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2567
- “ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...วันนี้ตรงกับ วันเข้าพรรษา ยังอยู่ในห้วงบรรยากาศที่พี่น้องประชาชนพุทธศาสนิกชนร่วมประกอบกิจกรรมบำเพ็ญกุศลเข้าวัดทำบุญ ถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่เข้าสู่ห้วงจำพรรษา เป็นเทศกาลงานบุญที่ต่อเนื่องจาก วันอาสาฬหบูชา ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนพุทธศาสนิกชนจะได้ทำบุญสร้างกุศล เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
...
- เช่นเดียวกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ถือโอกาสในห้วงก่อน วันอาสาฬหบูชา และ วันเข้าพรรษา เข้าสักการะศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจะทำบุญ 9 วัด ก่อน วันเข้าพรรษา เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยก่อนหน้านี้ นายกฯเศรษฐา ได้เดินทางไปทำบุญที่ วัดเครือวัลย์วรวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม แขวงราชบพิธ เขตพระนคร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แขวง พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ สักการะ ศาล หลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร และ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่...ทำบุญ ทำกุศล เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นการช่วยเสริมสร้างกำลังใจในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศต่อไป
- ผ่างๆ...ในการประชุม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดให้ บรรดา สส. หารือปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ปรากฏว่า สส.ฝ่ายรัฐบาล หลายคนลุกขึ้นหารือ แสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ของรัฐบาล ภายใต้วงเงิน 29,980 ล้านบาท โดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การดูแลของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้เสนอนโยบาย โดยเรียกร้องให้ทบทวนโครงการดังกล่าว...ทั้งนี้ กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้ระบุว่า โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เป็นโครงการหลักของ รัฐบาล เพื่อที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ชาวนา โดยช่วยเหลือ ค่าปุ๋ย ไร่ละไม่เกิน 500 บาท สูงสุด 20 ไร่ เป็นเงิน 1 หมื่นบาท แต่ก็มีปัญหามากมาย ทั้งการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน สูตรปุ๋ยที่อาจไม่ตรงใจชาวนา ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ที่สำคัญคือ เกษตรกรต้องสำรองเงินไปซื้อปุ๋ยก่อนครึ่งหนึ่ง ชาวนาจึงอยากให้ รัฐบาล ทบทวน ถ้าเป็นไปได้อยากได้การช่วยเหลือแบบไร่ละ 1,000 บาท เหมือนเดิม เอาปุ๋ยคนละครึ่งคืนไป เอาไร่ละพันกลับมา
...
- ขณะที่ ทินพล ศรีธเรศ สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ชาวนา จ.กาฬสินธุ์ กังวลกับ โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง จะตอบโจทย์ช่วยเหลือชาวนาจริงหรือไม่ ถ้าชาวนาไม่มีเงินสมทบเติม เพื่อซื้อปุ๋ยจะทำอย่างไร ปกติถ้าชาวนาไม่มีเงินก็จะเชื่อปุ๋ยมาก่อน หรือนำปุ๋ยจากกองทุนหมู่บ้านมาใช้ เมื่อขายผลผลิตได้แล้วจึงนำเงินไปใช้หนี้ แต่ โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ต้องนำเงินไปใส่สมทบก่อน ซ้ำร้ายกว่านั้นได้ยินมาว่า หากมี โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง แล้ว จะไม่มี โครงการไร่ละ 1,000 บาท ทำให้ชาวนาทุกข์ใจมากขึ้น จึงขอเรียกร้องให้มีโครงการไร่ละ 1,000 บาท เหมือนเดิม เพราะตอบโจทย์ชาวนามากกว่า ฝาก รัฐบาล และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ทบทวนและชี้แจงให้ประชาชนทราบ
- ขณะที่ สนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ย้ำว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวนาเกี่ยวกับ โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ที่ รัฐบาล กำลังดำเนินโครงการ เพราะโครงการนี้แทนที่จะช่วยเหลือชาวนากลับเป็นการซ้ำเติม เพราะต้องไป กู้เงินมาล่วงหน้า เพื่อมาสมทบก่อน และ ปุ๋ย ที่ได้ไม่แน่ใจจะมี คุณภาพถูกต้อง ตามที่ต้องการหรือไม่ ไม่เหมือนโครงการไร่ละ 1,000 บาท ที่เกษตรกรได้รับเงินโดยตรง ไม่ต้องมีหนี้สิน สามารถนำเงินไปใช้ลดต้นทุนการผลิต ทั้งค่าเก็บเกี่ยว ค่าไถ ค่าหว่าน ค่าปุ๋ยได้ ทุกอย่างครบวงจร จึงขอให้ รัฐบาล ทบทวนโครงการนี้ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ชาวนาได้รับประโยชน์สูงสุดตามนโยบายรัฐบาล
...
- แน่นอน เมื่อฟังจากเสียงสะท้อนของ บรรดา สส. ที่เป็น ตัวแทนของประชาชน ก็ชัดเจนว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับ โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง แม้โครงการนี้จะเป็นนโยบายของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่หวังจะช่วยลด ภาระงบประมาณ ให้ รัฐบาล แต่ขณะเดียวกันก็ไปกระทบกับ ความรู้สึก และ ผลประโยชน์ ของ ชาวนา โดยตรง ดังนั้น สมควรที่ รัฐบาล ภายใต้การนำของ นายกฯเศรษฐา และ พรรคเพื่อไทย ควรต้องรับฟังและทบทวนให้รอบคอบ เพราะนอกจากเป็นประโยชน์ได้เสียของ ชาวนา แล้ว ยังมีผลโดยตรงต่อ กระแสทางการเมือง อีกด้วย...หากตัดสินใจผิดพลาดจะเสียรังวัดได้ง่ายๆ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
...
- ฮัดชิ้ว...ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อ ระบบนิเวศ และส่งผลต่อ เศรษฐกิจ ด้านเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการประมง กรณี ปลาหมอคางดำ ที่ถูกขนานนามเป็น เอเลี่ยนสปีชีส์ แพร่ระบาดอาละวาดอย่างหนัก ไล่ล่ากินสัตว์น้ำทั้ง กุ้ง ปลา ใน แม่น้ำ ลำคลอง ถ้าหลุดเข้าไปใน บ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง ก็จะไล่กินกันแบบยกบ่อ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา ขาดทุนย่อยยับ...แถมยังปรับตัวได้ดีกับสภาพแวดล้อมอยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และขยายพันธุ์รวดเร็ว หากปล่อยให้แพร่ระบาดไปในแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วประเทศ โดยไม่เร่งกำจัดจะส่งผลกระทบให้ สายพันธุ์ปลาท้องถิ่น ตามธรรมชาติถูกทำลายจนสูญพันธุ์ได้ง่ายๆ...แน่นอน มาตรการของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีการรับซื้อ ปลาหมอคางดำ เพื่อนำไปกำจัดถือเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยลดจำนวน ปลาหมอคางดำ ได้ แต่จะถึงขั้นทำลายได้หมดหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
- สังคมทั่วไป...ศพ คุณแม่คำปุน ศรีใส ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์-ทอผ้า) ตั้งสวดที่บ้านคำปุน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 19.00 น. ถึง 23 ก.ค. พระราชทานเพลิง 24 ก.ค. 16.00 น. ที่วัดศรีอุบลรัตนาราม อ.เมืองอุบลราชธานี
ธนูเทพ
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม