ทราบหรือไม่ว่า เมื่อพักการดื่ม (ลด ละ เลิก) แอลกอฮอล์ เป็นเวลา 3 เดือน ร่างกาย และระบบต่าง ๆ จะดีขึ้น เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ อาทิ ผิวจะดีขึ้น-นอนหลับง่ายขึ้น-พุงจะหายไป-ระบบการย่อยดีขึ้น-โรคกระเพาะหายไป-สมองโปร่งขึ้น กล่าวได้ว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงดีขึ้นจนสังเกตได้ใน 3 เดือน ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวดีขึ้นได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก ๆ ของการงดดื่มแอลกอฮอล์ อีกทั้ง อาการและโรคหลายอย่างจะหายไปได้ในช่วง 1-3 เดือนด้วยซ้ำ
ในที่นี้สามารถสรุปการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในทางที่ดีขึ้น เมื่องดการดื่มแอลกอฮอล์ในระยะเวลา 3 เดือน ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นได้เป็นรายสัปดาห์ใน 1 เดือนแรก ได้ดังนี้
สัปดาห์ที่ 1
- นอนหลับดีขึ้น
- การตัดสินใจที่ดีขึ้น
- ความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น
- การตัดสินใจแก้ปัญหาดีขึ้น
- ร่างกายไม่ขาดนำ้
- ปวดศีรษะน้อยลง
- ไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
สัปดาห์ที่ 2
- เกิดอาการกรดไหลย้อนน้อยลง
- เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการฟื้นฟู
- การผลิตกรดในกระเพาะอาหารเริ่มสมดุลมากขึ้น
สัปดาห์ที่ 3
- ความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติ
- ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและปัญหาหัวใจ
- วิสัยทัศน์ที่ดีขึ้น
- การทำงานของไตดีขึ้น
สัปดาห์ที่ 4
- ผิวดูดีขึ้น ผิวของคุณมีความชุ่มชื้น
- น้ำจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณมากขึ้น
- ป้องกันการแก่ก่อนวัย (premature aging) ของผิว
- การหมุนเวียนของเซลล์ดีขึ้น
- การทำงานของตับจะฟื้นตัว
เมื่อได้ทดลองงดดื่ม หรือเลิกดื่มเป็นเวลา 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนแล้ว คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของสุขภาพร่างกายได้มากขึ้น และหากทำต่อไปให้ได้ 3 เดือน ก็จะทำให้การทำงานของร่างกายดีขึ้นไปอีกในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้
ผิวดีขึ้น
1. การขจัดสารพิษ (Detoxification)
แอลกอฮอล์เป็นสารพิษต่อร่างกาย เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดสารพิษเหล่านี้ผ่านตับและไต การงดแอลกอฮอล์ช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานขจัดสารพิษอื่น ๆ ได้ดีขึ้น และลดการสะสมของสารพิษในผิวหนัง
2. การลดการสูญเสียน้ำในร่างกาย (Dehydration)
แอลกอฮอล์มีคุณสมบัติที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้งและหยาบกร้าน การงดดื่มแอลกอฮอล์ช่วยให้ร่างกายคงความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวดูเนียนนุ่มและสุขภาพดี (WebMD)
3. การลดการอักเสบ (Inflammation Reduction)
แอลกอฮอล์สามารถกระตุ้นกระบวนการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาผิวเช่น สิว และผิวที่เป็นสีแดง การงดแอลกอฮอล์ช่วยลดการอักเสบเหล่านี้ ทำให้ผิวมีลักษณะที่ดีขึ้น (American Academy of Dermatology)
4. การป้องกันการเสื่อมของคอลลาเจน (Collagen Protection)
การดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องสามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และยืดหยุ่น การงดแอลกอฮอล์ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของโปรตีนเหล่านี้ ทำให้ผิวดูมีความกระชับและไม่หย่อนคล้อย Harvard Health Publishing.
จิตใจดีขึ้น : ความคิดสร้างสรรค์และความชัดเจนของความคิด
1. การปรับปรุงการทำงานของสมอง (Improved Brain Function)
แอลกอฮอล์มีผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ทำให้การคิด การตัดสินใจ และการควบคุมอารมณ์เสียหาย การงดดื่มแอลกอฮอล์ช่วยให้สมองสามารถทำงานได้เต็มที่มากขึ้น ช่วยให้ความคิดชัดเจนและมีสมาธิมากขึ้น National Institute on Alcohol Abuse and Alcoholism (NIAAA).
2. การลดอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวล (Reduced Depression and Anxiety)
แอลกอฮอล์สามารถทำให้เกิดหรือเพิ่มความรุนแรงของอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้ การเลิกดื่มแอลกอฮอล์ช่วยลดการเกิดอาการเหล่านี้และช่วยให้มีความสุขและความสงบในจิตใจมากขึ้น Harvard Health Publishing.
3. การปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ (Better Sleep Quality)
แม้ว่าแอลกอฮอล์อาจทำให้คนรู้สึกง่วง แต่จริง ๆ แล้วมันรบกวนวงจรการนอนหลับ ทำให้การนอนหลับไม่ลึกและไม่สดชื่น การงดแอลกอฮอล์ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น ทำให้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความสดชื่นและพร้อมเผชิญกับวันใหม่
4. การลดความเครียดและความวิตกกังวล (Reduced Stress and Anxiety)
แอลกอฮอล์สามารถสร้างวงจรของความเครียดและความวิตกกังวล เนื่องจากเป็นสารกระตุ้นที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลในสารเคมีของสมอง การเลิกดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลในระยะยาวได้ American Psychological Association.
5. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม (Improved Social Relationships)
แอลกอฮอล์สามารถทำให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การงดแอลกอฮอล์สามารถช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์และสร้างการสื่อสารที่ดีขึ้นกับคนในครอบครัวและเพื่อน
หุ่นดีขึ้น
การงดแอลกอฮอล์มีผลดีต่อการลดน้ำหนักและสุขภาพร่างกายโดยรวม ตั้งแต่การลดปริมาณแคลอรีที่ได้รับ การปรับปรุงการเผาผลาญ และการลดการสะสมไขมัน คุณอาจสังเกตเห็นการลดน้ำหนักและรูปร่างที่ผอมลงได้อย่างชัดเจน
แอลกอฮอล์เต็มไปด้วยแคลอรีที่ว่างเปล่า ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังเพิ่มจำนวนแคลอรีของคุณ
- ปริมาณแอลกอฮอล์น้อยลง = ปริมาณแคลอรีน้อยลง
- ลดน้ำหนักจากการบริโภคน้ำตาลน้อยลง
- การเผาผลาญและการย่อยอาหารจะดีขึ้น
- กระตุ้นให้เกิดความเครียดในกระเพาะอาหารและลำไส้ ลดการหลั่งของทางเดินอาหาร
- ทำให้ร่างกายสลายสารอาหารและดูดซึมได้ยากขึ้น
- กำจัดไขมันได้ยากขึ้นเนื่องจากแอลกอฮอล์ส่งผลต่อฮอร์โมนเพศชาย
ลดดื่ม = ลดแคลอรี
การงดดื่มแอลกอฮอล์ ยังหมายถึง ร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากเครื่องดื่มประเภทนี้ ซึ่งเท่ากับคุณดื่มแคลอรีน้อยลง (Empty Calories)
สมมติว่าคุณดื่มไวน์ สัปดาห์ละ 6 วัน วันละ 1 แก้ว (1 ดื่มมาตรฐาน = 145 มิลลิลิตร) ซึ่งให้พลังงาน แก้วละ 100-110 กิโลแคลอรี รวมแล้วใน 1 สัปดาห์ คุณจะดื่มไวน์ 870 มิลลิลิตร หรือประมาณ 1 ขวดกว่า ๆ (ไวน์ 1 ขวด มีปริมาณ 750 มิลลิตร) ร่างกายได้รับพลังงานเท่ากับ 600-660 กิโลแคลอรี ซึ่งใกล้เคียงกับพลังงานที่ได้จากข้าวมันไก่ 1 จาน น้ำอัดลม 3 ขวด หรือชานมไข่มุก 2 แก้ว
หรือถ้าคุณดื่มเบียร์ สัปดาห์ละ 6 วัน วันละ 1 แก้ว (1 ดื่มมาตรฐาน = 341 มิลลิลิตร) ซึ่งให้พลังงาน กระป๋องละ 150 กิโลแคลอรี รวมแล้วใน 1 สัปดาห์ คุณจะดื่มไวน์ 2,046 มิลลิลิตร หรือราว ๆ 2 ลิตร (ประมาณเบียร์ 2 ขวดครึ่ง) ร่างกายได้รับพลังงานเท่ากับ 900 กิโลแคลอรี ซึ่งใกล้เคียงกับพลังงานที่ได้จากช็อกโกแลต 6 แท่ง หรือ น้ำอัดลม 4 ขวดเลยทีเดียว
สรุปให้เห็นชัด ๆ อีกครั้งว่า ถ้าคุณงดดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายก็จะได้รับพลังงานลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ และช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย ดังนี้
- ไวน์ 6 แก้ว เกือบ ๆ 1,000 กิโลแคลอรี เท่ากับข้าวมันไก่ 2 จาน หรือ น้ำอัดลม 5 ขวด หรือชานมไข่มุก 3 แก้ว
- เบียร์ 1 แก้ว มีพลังงานสูงถึง 250 กิโลแคลอรี ถ้าเบียร์ 12 แก้ว (ประมาณ 3 ขวด) เท่ากับ 3,000 กิโลแคลอรี เท่ากับเค้กชิ้นใหญ่ ๆ 10 ชิ้น
- ไวน์ 3 ขวด (2,250 มิลลิลิตร) ให้พลังงานเท่ากับ 2,900 กิโลแคลอรี ซึ่งใกล้เคียงกับข้าวแกงกะหรี่หมูทอด 3 จาน
- เบียร์ 24 แก้ว (6,000 กิโลแคลอรี) เทียบได้กับช็อกโกแลต 20 แท่ง
เศรษฐกิจดีขึ้น
การคำนวณเงินที่ประหยัดได้
สมมติว่า: คุณดื่มเบียร์หนึ่งกระป๋องต่อวัน โดยเบียร์กระป๋องละ 60 บาท
- ใน 1 เดือน (30 วัน): ถ้าดื่มเบียร์วันละ 2 กระป๋อง, 3 วัน ต่อสัปดาห์ จำนวนเงินที่ประหยัดได้ใน 1 เดือน 60บาทx2กระป๋องx3ครั้ง/สัปดาห์x4สัปดาห์ =1,400 บาท/เดือน
เงินที่ประหยัดได้จากการงดดื่มแอลกอฮอล์สามารถนำไปใช้ในเรื่องต่าง ๆ ที่มีคุณค่าต่อชีวิตได้ เช่น:
1. ใน 1 เดือน (1,400 บาท)
- อาหารสุขภาพ: ซื้อผักและผลไม้สด หรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
- สามารถซื้อผักและผลไม้สดประมาณ 3-4 กิโลกรัมทุกสัปดาห์ (ราคาคร่าว ๆ ประมาณ 150-200 บาทต่อกิโลกรัม) - สมาชิกฟิตเนส: สมัครสมาชิกฟิตเนสหรือยิม
- ค่าบริการฟิตเนสหรือยิมทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,500 บาทต่อเดือน - การพักผ่อนและท่องเที่ยว: ใช้เงินไปกับการท่องเที่ยวหรือกิจกรรมผ่อนคลาย
- สามารถใช้เงินนี้ไปกับการเข้าพักที่รีสอร์ตหรือโรงแรมระดับกลางได้ 1 คืน - การออมเงิน: เก็บเงินในบัญชีออมทรัพย์หรือกองทุนรวม
- เงิน 1,800 บาทสามารถเก็บเป็นเงินออมสำหรับการลงทุนในอนาคต
2. ใน 1 ปี (17,280 บาท)
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: ซื้ออุปกรณ์ใหม่ เช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, หรือแล็ปท็อป
- สามารถซื้อสมาร์ทโฟนระดับกลางถึงสูง หรือแล็ปท็อปที่มีประสิทธิภาพได้หนึ่งเครื่อง - การศึกษา: ลงทุนในหลักสูตรการเรียนรู้หรือฝึกอบรม
- สามารถลงทะเบียนเรียนหลักสูตรออนไลน์ หรือการฝึกอบรมระยะสั้นในหลาย ๆ หัวข้อได้ - การท่องเที่ยว: ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- งบประมาณนี้เพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศใกล้เคียง เช่น การเดินทางไปประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - การลงทุนระยะยาว: ลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้น
- เงินจำนวนนี้สามารถเริ่มต้นการลงทุนในกองทุนรวมหรือซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้
ลดดื่ม = ลดเสี่ยง (โรคในระยะยาว)
นักดื่มที่เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางในการได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากการดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากสรีรวิทยาของร่างกายที่เล็ก ทำให้ขนาดของตับเล็ก อันส่งผลให้การกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายได้น้อยกว่าผู้ชาย รวมทั้งการมีปริมาณไขมันสะสมในร่างกายสูง ทำให้ร่างกายสะสมแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าผู้ชาย เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณเท่ากัน จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ โรคหัวใจ โรคทางสมองมากกว่าผู้ชาย และโดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ดื่ม 1 หน่วยดื่มมาตรฐาน (ดริ้ง) ต่อวัน จะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเต้านมสูงกว่าผู้หญิงที่ไม่ดื่มเลยถึงร้อยละ 5 ซึ่งความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นสำหรับการดื่มที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันอีกด้วย
หากเลิกดื่มได้อย่างถาวร คุณจะลดความเสี่ยงอะไรได้บ้าง
การที่คุณเลิกดื่มแอลกอฮอล์ได้ถาวร ก็เท่ากับคุณตัดโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายอีกหลายชนิดในอนาคต เรามีข้อมูลของ ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อัษณางค์กรชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ที่กล่าวว่า จากข้อมูลปี 2564 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา รายงานว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็ง โดยกลุ่มนักดื่มหนักที่ดื่มเบียร์วันละ 5 กระป๋อง เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งช่องปาก และมะเร็งหลอดอาหาร 5 เท่า มะเร็งกล่องเสียง 2.6 เท่า มะเร็งตับ 2 เท่า มะเร็งเต้านม 1.6 เท่า และมะเร็งลำไส้ใหญ่ 1.5 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ไม่ดื่ม
ส่วนกลุ่มผู้ดื่มปานกลางที่ดื่มเบียร์วันละ 2 กระป๋อง เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งช่องปาก 1.8 เท่า มะเร็งเต้านม 1.23 เท่า และมะเร็งลำไส้ใหญ่ 1.2 เท่า ของผู้ที่ไม่ดื่ม และงานวิจัย meta-analysis ปี 2020 ในวารสาร Alcohol and Alcoholism ได้รวบรวมงานวิจัย 22 ชิ้นในอดีต พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ทุก 1 หน่วยดื่มมาตรฐาน หรือวันละ 10 กรัม เพิ่มความเสี่ยงเกิดมะเร็งเต้านมร้อยละ 10 จึงกล่าวได้ว่า แอลกอฮอล์เป็นสารก่อมะเร็ง
การดื่มแอลกอฮอล์ยังสัมพันธ์กับความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคตับ และปัญหาทางเดินอาหาร มะเร็งเต้านม ปาก คอ หลอดอาหาร กล่องเสียง ตับ ลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เพิ่มโอกาสการเจ็บป่วย ปัญหาการเรียนรู้และความจำ รวมถึงภาวะสมองเสื่อมและผลการเรียนไม่ดี
เช่นเดียวกับที่เว็บไซต์ US Dietary Guidelines แจ้งว่าอาจทำให้เกิดโรคตับได้ รวมถึงไขมันพอก (การสะสมของไขมัน) ไขมันพอกตับอักเสบ (การอักเสบ) พังผืดและโรคตับแข็ง (แผลเป็น) มะเร็งเซลล์ตับ และโรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์
ยิ่งกว่านั้น ในบรรดาโรค 207 โรค การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่รายงานด้วยตนเองมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของโรค 61 โรคในผู้ชาย รวมถึงโรค 28 โรคที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ เช่น โรคตับแข็ง โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งในทางเดินอาหารหลายชนิด และ 33 โรคที่ไม่เคยจัดว่าเกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์มาก่อน เช่น โรคเกาต์ ต้อกระจก กระดูกหักบางชนิด และกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
ย้ำอีกครั้งว่า การเลิกดื่มแอลกอฮอล์อย่างถาวร จึงเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ได้
ตัวอย่างคนหัวใจเพชรที่ชนะใจตนเอง เลิกเหล้าได้ เช่น
"ป้าตุ๊" นางสุรินทร์ แก้วคำ อายุ 48 ปี ชาว ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี อาชีพเกษตรกรรมและธุรกิจส่วนตัว ได้เล่าประสบการณ์ว่า เมื่อปี 2529 ตนและสามีเริ่มดื่มเหล้า เพราะงานบุญประเพณีภายในหมู่บ้าน ทำให้จำเป็นต้องดื่มเพื่อเข้าสังคม และเพื่อนชักชวนดื่ม ก่อนทั้งคู่เริ่มดื่มเป็นประจำทุกคืน เมื่อตนและสามีดื่มเหล้ามักมีปัญหาทะเลาะกันเสมอ ขณะนั้นมีลูกอายุ 5 ขวบ ลูกก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้ ต้องนำไปให้ญาติเลี้ยง เพราะไม่มีเวลาเลี้ยงลูก และพ่อแม่มักมีปากเสียงกันตลอด อีกทั้งทั้งคู่ไม่สามารถตื่นเช้าไปส่งลูกเรียนหนังสือได้ ต่อมาเราเริ่มดื่มหนักขึ้น และทะเลาะกันมากขึ้น จนวันหนึ่งความเมาเป็นเหตุให้ขาดสติ เกิดประสบอุบัติเหตุตกบันได ทำให้สภาพร่างกายแย่ลง ส่วนสามีก็เคยประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม เหตุเมาแล้วขับ กระทั่งมีคนในครอบครัวมาเตือนสติเรื่องลูก ซึ่งการดื่มเหล้าเป็นต้นเหตุทำให้เกิดปัญหาครอบครัว ต่อมาในปี 2537 ตนได้เลิกเหล้าเด็ดขาด และไม่เคยแตะเหล้าอีกแม้แต่หยดเดียว
ภายหลังเลิกเหล้าสุขภาพดีขึ้น หันมาตั้งใจทำงานเพื่อลูกและครอบครัว จากนั้นก็เข้าร่วมโครงการ สสส. กลายเป็นคนหัวใจเพชร เพราะเลิกดื่มต่อเนื่องมากว่า 8 ปี พร้อมยังได้เชิญคนดื่มเหล้าภายในชุมชน มางดเหล้าเข้าพรรษา ร่วมเป็นคนหัวใจหิน จนเกิดการรวมตัวกันตั้งเป็นชมรม และเครือข่าย พร้อมร่วมกันจัดโครงการเด็กและเยาวชน เขียนเรียงความชวนพ่อแม่เลิกเหล้าเข้าพรรษา จนเป็นผลทำให้พ่อแม่หลายคนเลิกเหล้าสำเร็จ พร้อมจัดหาทุนสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ดำเนินโครงการต่อเนื่องมากว่า 4 ปีแล้ว
"ลุงเบิ้ม" นายใบ พู่พันชิด อายุ 71 ปี ชาวจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า เริ่มดื่มเหล้ามาตั้งแต่อายุ 13 ปี เพราะต้มเหล้าเถื่อนขาย ทั้งซื้อเองและเลี้ยงเพื่อน พอดื่มเหล้าจะมีเพื่อนเยอะ เพราะมีเงินซื้อเหล้าเลี้ยงเพื่อน ตนมีอาชีพทำสวนมะพร้าวด้วย เมื่อได้เงินจากการทำสวน ก็ซื้อเหล้ากินหมด จนมีหนี้สินกว่า 300,000 บาท ภายหลังเกิดความคิดอยากเลิกเหล้า เพราะเพื่อนชวนเลิก เมื่อเลิกได้สักพัก ก็ได้เข็มคนหัวใจเพชรจาก สสส. มา อีกทั้งยังมีความคิดอยากเลิกเหล้าตลอดไป ขณะนี้สามารถปลดหนี้ได้กว่า 2 แสนบาทแล้ว พร้อมกันนี้ตนยังอยากทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 อีกด้วย
นางวิไลวรรณ คำมั่น ข้าราชการครูเกษียณ คนหัวใจเพชร อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร เล่าว่า เป็นคนที่ดื่มเหล้า เบียร์มาก่อน ไม่เคยสนใจว่าเหล้าดีหรือไม่ แต่คิดว่าต้องมีสังคม ต้องมีเพื่อน เมื่อชวนก็ไปดื่ม จนวันหนึ่งสามีบอกว่าทำไมหน้าเหี้ยว เหี่ยว จึงสงสัยตัวเองว่าอาจเกิดจากการดื่มเหล้า ยังไม่ได้คิดถึงโรคภัยไข้เจ็บจากการดื่มเหล้า จนมาเรียนรู้ว่าช่วงที่ไม่ดื่มเหล้าหน้าดูสดใส เต่งตึงขึ้น จึงมาศึกษาจริงจังว่า เมื่อเลิกดื่มเหล้า นอกจากผิวพรรณสดใสขึ้นแล้ว โรคภัยไข้เจ็บดีหมดทุกอย่าง ประหยัดค่าใช้จ่าย ที่สำคัญสามีบอกว่า “ถ้าไม่เลิกดื่มเหล้าเราจะหย่ากับเธอ” ทำให้คิดได้ว่าจะเสี่ยงทำไม ก็เลิกตั้งแต่วันนั้น ใครมาชวนก็คือไม่แตะ ไม่ดื่ม คนที่ชวนก็เข้าใจแม้ช่วงแรก ๆ จะไม่เข้าใจก็ตาม และตอนนี้แม้จะเลิกเหล้าแล้วก็ยังมีเพื่อน มีสังคมมากกว่าเดิม เพราะเมื่อไม่ดื่มเหล้าแล้วสุขภาพก็แข็งแรง ไปเป็นผู้นำเต้นแอโรบิก มีชมรมแอโรบิก มีสุขภาพแข็งแรง ปลอดเหล้าทุกคน
เครื่องมือช่วยเลิกดื่ม ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
สถานที่เลิกเหล้า สามารถค้นหาศูนย์เลิกเหล้าหรือสถานบำบัดได้จากสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนทั่วไป ที่แผนกจิตเวชหรือแผนกอื่น ๆ ที่รับบำบัดรักษา เช่น เวชศาสตร์ครอบครัว คลินิกยาเสพติด หรือศูนย์ซับน้ำตา เป็นต้น โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าต้องการบำบัดรักษาเพื่อเลิกสุรา ซึ่งคุณสามารถใช้สิทธิในการรักษาที่มีได้ เช่น สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิเบิกจ่ายตรงได้ แต่ทั้งนี้ต้องตรวจสอบกับสถานบำบัดนั้น ๆ ก่อนว่าเราสามารถใช้สิทธิใดได้บ้าง แต่สำหรับใครที่ไม่ทราบว่าสถานบำบัดที่ไหนใกล้บ้านบ้าง ก็แนะนำให้เข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.1413.in.th/treatment.htm จากนั้นก็ให้กรอกจังหวัดและประเภทของสถานบำบัดและกดค้นหา
นอกจากนี้ยังสามารถปรึกษาหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ ดังนี้
สายด่วนเลิกเหล้า โทร. 1413 (ศูนย์ปรึกษาเพื่อการเลิกสุราและการเสพติด) ให้บริการปรึกษาการเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติดแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อยากเลิกดื่ม ให้สามารถ ลด ละ เลิกดื่มได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย ลดผลกระทบต่อสุขภาพ ให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-20.00 น. มีนักจิตวิทยาให้บริการ 8 คู่สาย หากให้บริการเต็มทุกคู่สาย หรือนอกเวลาทำการสามารถฝากเบอร์ให้โทรกลับได้และช่วงเข้าพรรษา 3 เดือนของทุกปี ได้ขยายเวลาให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด เพื่อตอบสนองการรับบริการที่มีจำนวนมากกว่าช่วงเวลาปกติมากกว่าเท่าตัว
ขณะเดียวกัน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ก็ได้พัฒนาการให้บริการผ่านระบบแชตบอต แอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ “น้องตั้งใจ” ให้คำปรึกษาและติดตามปัญหาการดื่มผ่านสมาร์ทโฟน ที่สะดวก รวดเร็วขึ้น และขยายประเด็นให้บริการ โดยเพิ่มนักจิตวิทยาให้คำปรึกษาเรื่องการเลิกสิ่งเสพติดทุกชนิด เพื่อหนุนเสริมระบบงานบำบัดผู้มีปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติดทุกชนิด
นอกจากนี้ ยังมี สายด่วนยาเสพติด สถาบันธัญญารักษ์ โทร. 1165 โรงพยาบาลและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ อีกด้วย
แค่ตั้งใจคุณทำได้ อย่าลืมบอกคนใกล้ชิดให้ร่วมเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ความตั้งใจเลิกดื่มแอลกอฮอล์ในปีนี้ให้สำเร็จกันดีกว่า ให้ 3 เดือนของเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการมอบความรักให้กับตัวเองและคนที่คุณรัก สุขภาพดีขึ้นได้ทั้งกายและใจ มีเงินเก็บ มีพลังกาย พลังใจ พร้อมเผย “ร่าง” ใหม่ที่คุณตั้งใจสร้างตลอดช่วงเข้าพรรษานี้กันเถอะ
ดูคลิปงดเหล้า ก็แปลงร่างแบบนี้ได้
ดูคลิปงดเหล้าในช่วงสั้นๆ ก็ได้คุณคนใหม่!
กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดีๆ จาก สสส เพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook : Social Marketing Thaihealth by สสส.
Line : @thaihealththailand
TikTok: @thaihealth
YouTube: SocialMarketingTH
Website : Social Marketing Thaihealth