โล่งอกไปตามกัน...เมื่อนายก รัฐมนตรีไทยคนที่ 30 ยืนยันจะไม่มี “เมืองรองท่องเที่ยว 55 จังหวัด” มีแต่ “เมืองน่าเที่ยว” แทน
โดยเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกรับ “ทัวริสต์ต่างชาติ” หวังแรงกระตุ้นปีนี้น่าจะโต 34 ล้านคน รายได้ 2.5 ล้านล้านบาท
เลิกความคิดที่จะสร้างช่องว่างระหว่างจังหวัด ทำให้หลายองค์กรมั่นใจขานรับเป็นปี่เป็นขลุ่ย
หนึ่งในนั้นคือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แกนนำตลาดท่องเที่ยว ที่เลือกงานบุญใหญ่เข้าพรรษา “บั้งเทียน” หล่อเทียนวิธีโบราณชนบท อ.นาแห้ว จ.เลย ระหว่าง 19 ถึง 22 กรกฎาคมนี้ มาเป็นอีเวนต์ “ซอฟต์พาวเวอร์” ควบคู่ไปด้วยกัน
สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการ ททท. ด้านตลาดในประเทศ รับว่าดินแดนแห่งทะเลภูเขา และอีเวนต์โกสท์อินเตอร์ฯ ผีตาโขนด่านซ้าย ที่ฉ่ำไปไกลถึงตลาดต่างแดนกับถนนคนเดินเชียงคาน...
เหล่านี้คือดาวเหน็บฟ้าเมืองเลยที่ปีก่อนหน้ามีผู้มาเยือน 2.17 ล้านคน ทำรายได้ 5.08 พันล้านบาท
“เมื่อรัฐบาลตั้งเป้าชูท่องเที่ยวแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ แผนงานตลาดจึงต้องขยับตามซีนาริโอให้สอดรับ ด้วยการสร้างโปรดักส์เพิ่มความหลากหลายมากขึ้น ขยายรูทท่องเที่ยวใหม่เสริมรูทเดิมที่มีอยู่แล้ว”
...
นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกเมืองแห่งขุนเขา ท่ามกลางกลิ่นอายวัฒนธรรมชุมชนดั้งเดิมบ้านแสงภา-นาพึง อ.นาแห้ว ห่างตัวเมืองเลยราว 75 กิโลเมตรมาเสนอขาย
จริยาทร สูหู่ ผอ.ททท.สำนักงานเลย แกนนำตลาดคนสำคัญของจังหวัด เสริมว่า เรามีความพร้อมด้านการคมนาคม ทุกวันนี้เลยสามารถเชื่อมต่อภูมิภาคอีสานแบบใยแมงมุม ภาคเหนือตอนล่างอย่างพิษณุโลก เพชรบูรณ์ ภาคกลางเมืองหลวงกรุงเทพฯ
โดยมีระบบโดยสารทางรถยนต์สะดวก เครื่องบินเจ็ต 120 ที่นั่งบินช่วงเช้าทุกวัน...เพิ่มเที่ยวบ่ายอาทิตย์จันทร์ศุกร์เสาร์
พุ่งเป้าไปที่โปรแกรมทัวร์นาแห้วชวนคนเดินทาง และผู้ประกอบการทัวร์เขียนคอนเทนต์เตรียมขาย...“เริ่มต้นที่ทางหลวงหมายเลข 203 สู่ภูเรือผ่านบ้านสานตมตรงกิโลเมตรที่ 19”
ชุมชนนี้มีเรื่องเล่าว่า...เมื่อครึ่งศตวรรษผ่านมาได้เกิดข่าวใหญ่ บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับ ต่อเนื่องนานกว่าทศวรรษประเด็นช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิเคยลดต่ำรุนแรงถึงขั้นทำคนหนาวตาย
กระทั่งโป๊ะแตก...ถึงรู้ว่าอากาศบ้านนี้หนาวจริง แม้แต่สถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ยังเคยนำไปอ้างถึงบ้านสานตมในการรายงานข่าวพยากรณ์อากาศประจำวัน เหมือนเช่นเวลาพระอาทิตย์ขึ้นผาชะนะได อุบลราชธานี และตกที่แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต
แต่...สานตมที่ว่าเคยมีคนหนาวตายนั้น เป็นขี้เมาพิเรนทร์นอนถอดเสื้อนอกชานเรือน แล้วหนาวตายเพียงคนเดียวและปีเดียวเท่านั้น...หาได้หนาวตายปีละคนอย่างที่ลือกันไม่!
ปัจจุบันรูทเดินทางสายนี้ของ ททท.เลย ระบุ “สานตม” เป็นหมู่บ้านระดับตำบลใน อ.ภูเรือ โดย จริยาทร ชี้ว่า “ที่นี่มีจุดทำทัวร์แวะพักชม ชิม ช็อป ชิลล์ สวนผลไม้อะโวคาโด แก้วมังกร ทุเรียนและเงาะ”
ซึ่งอากาศเป็นใจให้ปลูกและออกผลตามต้องการที่สวนบ้านห้วยลาด แล้วค่อยขยับเที่ยวเชิงนิเวศตรงลานหินปุ่มภูครั่ง ชาวบ้านเรียกภูคั่งในละแวกใกล้เคียงกัน
จากนั้นแวะทบทวนความหลังที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ ก่อนเดินทางไปบ้านหนองบงแยกเข้าทางหลวง 2294 บรรจบทางหลวง 2195 ที่บ้านวังสัมพันธ์ รวมระยะทาง 75 กิโลเมตรจากตัว จ.เลย ถึงจุดหมาย อ.นาแห้ว โปรดักส์แห่งใหม่แกะกล่องของ ททท.เลย
“อดีตถิ่นนี้เคยอยู่ในเขตปกครองมณฑลลาวพวน ที่รวมเมืองกุดป่องคืออำเภอเมืองเลยปัจจุบัน กับเมืองชายแดนท่าลี่และนากอกเป็นหนึ่งเดียวภายใต้กลุ่มชาติพันธุ์ลาวพวน”
...
ถ้าไม่เช่นนั้น...จากภูเรือก็ให้ใช้ทางหลวง 2018 ถึงด่านซ้ายเข้าทางหลวง 2113 รวม 70 กิโลเมตรจาก อ.ภูเรือ ถึง อ.นาแห้ว รูทนี้...กรี๊ดสุดกับคนเคมีตรงกับการเดินทางกึ่งซอฟต์แอดเวนเจอร์
ด้วยต้องแล่นขึ้นสูงผ่านถนนลอยฟ้าสุดฟินกลางป่า มีวิวพอยท์บนภูเก้าง้อม ต.นามาลา ราว 15 กิโลเมตรก่อนถึงตัว อ.นาแห้ว
แล้วก็มาถึงข้อมูลสรุป...“นาแห้วเป็นอำเภอหนึ่งในหกเมืองชายแดนจังหวัดแม่คือเลย ที่ติดกับแขวงไชยะบุรีแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าเขื่อนไชยะบุรี สปป.ลาว ใกล้หลวงพระบาง นาแห้วสงบมีประชากรเพียงหมื่นกว่าคนโดยประมาณ และเพิ่งยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปี 2523”
ถิ่นนี้มีที่พักทั้งแบบรีสอร์ตและลานกางเต็นท์แคมปิ้ง สำหรับนอนนับดาวในห้วงจักรวาลกลางป่าร่วม 10 แห่งไว้บริการได้สบ๊าย...สบาย 100 คน ถ้าเกินรับได้ก็ขยายไปภูเรือซึ่งมีที่พัก 57 แห่ง 878 ห้อง ด่านซ้ายอีก 8 แห่ง 101 ห้อง
ถ้าถามถึงแหล่งท่องเที่ยวแม่เหล็ก...แดนนี้มีธรรมชาติเมฆหมอกเคียงภูผา ป่าแปลงใหญ่ที่เชื่อมต่อกับผืนป่าชาติตระการ จ.พิษณุโลก อีกทั้งวิถีชุมชนบ้านแสงภากลางหุบเขาที่ไร้เดียงสา สังคมเมืองยุคใหม่ดูโดดเด่นพิเศษต้องนี่เลย...การดีไซน์สีสันท้องทุ่งนาข้าวได้ลงตัวกับสภาพแวดล้อมชนบท
...
ที่สำคัญคือ...วิถีชีวิตผู้คนฝั่งบ้านเหมืองแพร่ริมแคมน้ำเหืองไทย–สปป.ลาว
นอกจากนี้มี “ฮูปแต้ม” ที่อีสานหมายถึงจิตรกรรมฝาผนัง “สิม” หรือโบสถ์ของวัดโพธิ์ชัย บ้านนาพึง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่แต่ปี 2375 มีมรดกทางสถาปัตยกรรมมากมาย...
ส่วนไฮไลต์สำคัญอยู่ที่วัดศรีโพธิ์ชัย เดิมชื่อวัดบ้านแสงภาสร้างปี 2090 โดยกลุ่มนายพราน สปป.ลาว มีสิมเก่าเรือนไม้แบบทึบ ศิลปะล้านช้างสวยงามมาก ภายในประดิษฐานพระประธานดูอลังการงานสร้าง เหมาะห่อปกเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติประจำท้องถิ่นชนบทแห่งนี้ต่อไป
จริยาทร บอกอีกว่า คืนวันอาสาฬหบูชา 20 กรกฎาคมนี้ ชาวบ้านจะชวนกันมาเวียนเทียนรอบสิมวัดศรีโพธิ์ชัย รุ่งขึ้นเข้าพรรษาผู้คนราว 500 จะรวมตัวกันนำเทียนที่หล่อตามมีตามเกิด โดยไม่คำนึงถึงความสวยงามให้สิ้นเปลืองงบต้นทุน ซึ่งต่ำกว่าแรงศรัทธาที่มีไปถวายวัด
เทียนแต่ละต้น...มาจากภูมิปัญญาบรรพบุรุษผสมศิลปะล้านช้าง ด้วยการต้มละลายขี้ผึ้งลงในกระบอก “ไผ่เหี๊ยะ” เพื่อ “บั้งเทียน” มีไส้ในทำจากดอกฝ้าย
...
ถึงตรงนี้....แบบว่าเมื่อจะขึ้นรูป “จังหวัดเลย” โฮ่งสู่เป็น “เมืองน่าเที่ยว” ขอแบบเริ่ดๆสำเร็จดังหวังแค่ไหน? ปีนี้ตั้งเป้าเอาไว้ควรมีทัวริสต์อย่างต่ำ 5 ล้านคน รายได้ 1.4 หมื่นล้านบาทขึ้นไป...อย่างนี้สิถึงเรียกว่า “ต๊าช”...ดีเลิศ ที่สุดจริง.
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม