นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ (กลาง) ที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล (ขวา) ประธานกรรมการบริหารบริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ (กลาง) ที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล (ขวา) ประธานกรรมการบริหารบริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด

บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด ในโครงการขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วอย่างยั่งยืน โดยมี กทม. ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อสนับสนุนนโยบาย “ไม่เทรวม” ของกรุงเทพมหานคร ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการแยกขยะในชุมชนในทุกเขตของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตลอดทั้งปีนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้นำขยะมาขายแลกเปลี่ยนเป็นเงิน พร้อมรับผลิตภัณฑ์จากเนสท์เล่ติดมือกลับบ้าน นับเป็นการส่งเสริมให้สามารถนำบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนสท์เล่ มีแผนงานด้านความยั่งยืนเพื่อไปสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 และได้ดำเนินงานในหลายโครงการเพื่อขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) โดยในความร่วมมือครั้งนี้ เนสท์เล่จะช่วยสนับสนุนองค์ความรู้ในการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว ทั้งกล่องยูเอชที ขวดพลาสติก PET และบรรจุภัณฑ์อื่นๆ พร้อมกับมอบผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับชุมชนในการแยกขยะ ความร่วมมือกับ WasteBuy Delivery ในครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนนโยบาย “ไม่เทรวม” ของ กทม. เพื่อให้บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วได้เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน นับเป็นการสานต่อความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ในการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน”

นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า “กรุงเทพมหานครได้ริเริ่มโครงการ “ไม่เทรวม” เพื่อส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือนเพื่อให้เกิดการจัดเก็บอย่างถูกวิธี และนำมาใช้ประโยชน์ โดยให้ทั้ง 50 เขต ลงมือสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ประชาชนร่วมกันคัดแยกมูลฝอยเศษอาหารที่เกิดขึ้น เนื่องจากขยะเศษอาหาร (Food Waste) มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี การจัดการขยะเศษอาหารที่ไม่ถูกวิธี ไม่มีการแยกขยะแห้ง-เปียกตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ขยะเศษอาหารไปปนเปื้อนกับขยะประเภทอื่น กรุงเทพมหานครมีความยินดีที่ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นให้เกิดการคัดแยกขยะ เพื่อให้สามารถนำบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ทรัพยากรหมุนเวียนจึงจะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ก่อนหน้านี้ กรุงเทพมหานครได้เปิดศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะมูลฝอยนำร่อง และปล่อยคาราวาน โครงการรถ “WasteBuy Delivery” เพื่อรับซื้อขยะถึงบ้าน หนุนการคัดแยกขยะในเชิงรุก เราหวังว่าโครงการนี้จะช่วยลดงบประมาณในการจัดการขยะและสามารถนำงบประมาณไปพัฒนาส่วนอื่นได้อีกมาก”

ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล ประธานกรรมการบริหารบริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด เผยว่า “บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชัน WasteBuy และจัดทำโครงการ WasteBuy Delivery บริการรถรับซื้อขยะถึงบ้าน จากสถิติพบว่า โดยเฉลี่ยขยะปริมาณ 1 แสนตัน จะมีขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ 30% หาก กทม. สามารถคัดแยกขยะที่มีปริมาณกว่า 3 ล้านตันในแต่ละปีได้ จะช่วยให้เกิดรายได้จากการขายขยะรีไซเคิลกลับคืนสู่ชุมชน ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนและความร่วมมือจากภาคเอกชนอื่นๆ ที่ผ่านมา โครงการ WasteBuy Delivery ได้รับซื้อขยะรีไซเคิลได้มากกว่า 3,300 ตัน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 3,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ได้กว่า 3 แสนต้น เราหวังว่าความร่วมมือกับเนสท์เล่ในครั้งนี้จะช่วยสร้างการตระหนักรู้และกระตุ้นการมีส่วนร่วมจากชุมชนมากยิ่งขึ้น”

“ทั้งนี้ เนสท์เล่ได้เดินหน้าขยายความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมในฐานะผู้ผลิตไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ให้ความรู้ในการแยกขยะ เพื่อลดการทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง และส่งเสริมการนำบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเข้าสู่ระบบการจัดการที่ถูกต้อง ความร่วมมือกับเวสท์บาย เดลิเวอรี่ ก็เป็นแนวทางที่ดีในการช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคชาวไทย เพื่อส่งต่อโลกที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไป” สลิลลา กล่าวทิ้งท้าย