“ธีร์” เด็กชายอายุ 14 ปี หลุดจากระบบการศึกษามาตั้งแต่ชั้น ม.1 เปิดเทอมนี้เพื่อนๆของเขาเรียนอยู่ชั้น ม.3 แล้ว เหตุผลสำคัญที่ไม่ไปโรงเรียนเพราะไม่ส่งการบ้าน ทำงานไม่ทันเพื่อนเลยถูกครูตีด้วยหวาย ก็เลยตั้งใจว่า...จะไม่มีวันไปโรงเรียนอีกแน่นอน
ทุกวันนี้ช่วยพ่อแม่เลี้ยงวัวกับทำสวนฝรั่ง ธีร์ขายวัวได้ 2 ตัวแล้ว ได้เงินเกือบ 30,000 บาท น่าสนใจว่ายังมีเพื่อนแถวบ้านอีก 4-5 คน ที่ไม่ไปโรงเรียนเช่นกัน
แม่ธีร์บอกว่า เธอไม่บังคับลูก เพราะกลัวเขาเตลิดไปไม่กลับมา
“ม่อน” เด็กชายวัยเดียวกับธีร์ เป็นอีกคนที่ไม่ได้ไปโรงเรียนมาเกือบ 4 ปีแล้ว สาเหตุเพราะโดนครูดุที่เรียนไม่รู้เรื่อง อ่านเขียนไม่คล่อง เรียนรู้ช้ากว่าเพื่อน เขามักจะร้องไห้ตามแม่กลับบ้าน บางครั้งก็ชักตัวเกร็งตอนเช้าที่จะต้องไปโรงเรียน...ม่อนเป็นเด็กดี ไม่เกเร อยู่บ้านก็คอยช่วยดูแล ช่วยงานแม่
เรื่องที่สนใจคือ เลี้ยงปลา ซ่อมมอเตอร์ไซค์ เป็นเรื่องที่ทำได้อย่างคล่องแคล่ว...แม่ของม่อนเป็นมะเร็งและเลิกกับพ่อมาหลายปีแล้ว ทำงานรับจ้างได้เงินวันละ 150 บาท
...
สองชีวิตตัวอย่างข้างต้นสะท้อนมาจากการลงพื้นที่อำเภอโพธารามและอำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ทีมงาน “กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)”...ในภาพรวมยังสะท้อนให้เห็นถึงข้อมูล เด็ก...เยาวชนช่วงอายุ 3-18 ปีที่ไม่มีข้อมูลในระบบการศึกษาจำนวน 1,025,514 คน
คิดเป็นร้อยละ 8.41 จากเด็กทั้งหมด 12,200,105 คน ในจำนวนนี้อยู่ในช่วงวัยการศึกษาภาคบังคับ ...ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-มัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือช่วงอายุ 6-14 ปี ทั้งสิ้น 394,039 คน คิดเป็นร้อยละ 38.42 ของเด็กและเยาวชนที่ไม่มีข้อมูลในระบบการศึกษา
พัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) บอกว่า จังหวัดที่มีเด็กและเยาวชนช่วงวัยการศึกษาภาคบังคับ (ป.1-ม.3) หลุดจากระบบการศึกษาสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 61,609 คน ตาก 41,285 คน สมุทรสาคร 20,277 คน เชียงใหม่ 16,847 คน และสมุทรปราการ 14,349 คน
นอกจากนี้ งานวิจัยเชิงสำรวจเพื่อศึกษาข้อมูลของเด็กนอกระบบการศึกษาภายใต้โครงการ “การสนับสนุนและพัฒนากลไกการขับเคลื่อนครูและเด็กนอกระบบการศึกษา” ยังเก็บข้อมูลจากองค์กรเครือข่าย 67 องค์กร จำนวนกลุ่มตัวอย่างเด็กนอกระบบการศึกษา 35,003 คน พบว่า
เด็กนอกระบบส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาสูงสุดอยู่ในระดับชั้นมัธยมต้น (ร้อยละ 24.25) ขณะที่ร้อยละ 10.63 ไม่เคยได้รับการศึกษาเลย เด็กนอกระบบที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนและไม่มีเอกสารยืนยันตัวตนบุคคล ส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาสูงสุดในระดับประถมต้น (ร้อยละ 30.73)
โดยอาชีพของผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่มีงานประจำ-รับจ้างรายวัน ร้อยละ 47.11 สะท้อนถึงความไม่มั่นคงด้านรายได้ของครอบครัว อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทําให้เด็กออกนอกระบบการศึกษา
สำหรับสาเหตุของการออกนอกระบบการศึกษา อันดับ 1...มาจากความยากจน ร้อยละ 46.70 รองลงมาคือ...ปัญหาครอบครัว ร้อยละ 16.14 ออกกลางคัน...ถูกผลักออก ร้อยละ 12.03 ไม่ได้รับสวัสดิการด้านการศึกษา ร้อยละ 8.88 ปัญหาสุขภาพ ร้อยละ 5.91 อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 4.93
และได้รับความรุนแรงร้อยละ 3.63
เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลเด็กนอกระบบการศึกษาเป็นรายกรณี พบว่า เด็กเผชิญกับปัญหาที่โยงใยซับซ้อนมากกว่า 1 ปัญหา โดยที่ไม่สามารถแก้เพียงเรื่องหนึ่งเรื่องใดแล้วจะหลุดพ้นจากวิกฤติได้ ซึ่งปัจจัยที่กระทบต่อการออกนอกระบบการศึกษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวเพียงอย่างเดียว
...
แต่...รวมถึงปัญหาครอบครัวแตกแยก การใช้ความรุนแรง การย้ายถิ่นฐาน ทัศนคติของผู้ปกครองที่ไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา ให้ทํางานช่วยเหลือครอบครัว
นับรวมไปถึงปัจจัยด้านพฤติกรรม สุขภาวะของนักเรียน เช่น เผชิญความเสี่ยงกับยาเสพติด ตั้งครรภ์ในวัยเรียน เด็กพิการหรือเจ็บป่วย ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม การตกเป็นเหยื่อของการถูกรังแก ถูกบูลลี่ ล้อเลียน เด็กโตเกินกว่าที่จะกลับมาเรียนซ้ำชั้น
ข้อค้นพบที่สำคัญคือ ปัจจัยด้านครูและสถานศึกษา พบว่า การที่เด็กมีทัศนคติไม่ดีต่อการเรียน โรงเรียนและครูมีส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงเด็กไม่ให้หลุดออกไปจากการศึกษา ทำให้เห็นประโยชน์ของการเรียน โดยพบว่ามีสาเหตุมาจากขาดการสื่อสารระหว่างโรงเรียนและผู้ปกครอง
อีกทั้ง...หลักสูตรรายวิชาไม่ตอบโจทย์ชีวิต มุ่งเน้นเรียนเพื่อแข่งขัน ลักษณะของครูผู้สอน ทั้งการลงโทษ การใช้ความรุนแรงทั้งโดยวาจาและการกระทำ ภาระงานที่ได้รับมอบหมาย เช่น การบ้าน การส่งงาน
สอดคล้องกับผลการศึกษาของโครงการวิจัยเรื่อง “การคาดการณ์อนาคตการศึกษาทางเลือก (Foresight for Alternative Education)” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ร่วมกับ กสศ. ระบุว่าหนึ่งในผลกระทบต่อโอกาสการศึกษาของเยาวชนผู้ด้อยโอกาส คือ ความผิดหวังต่อระบบการศึกษา
ซึ่ง...สร้างผลกระทบลบ ทำให้เยาวชนขาดแรงจูงใจ ความตั้งใจ และความทุ่มเทในการเข้ารับการศึกษาเพราะไม่เห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เยาวชนต่อต้านการศึกษาทุกรูปแบบ
...
“การทำความเข้าใจเด็กนอกระบบเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะปัญหานี้ซับซ้อน และสั่งสมมายาวนาน สำคัญที่สุดคือต้องช่วยอย่างเข้าใจในเงื่อนไขชีวิตเด็ก ออกแบบการเรียนรู้และให้การสนับสนุนเขาในแบบที่เหมาะสมกับตัวเขาที่สุด”
ข้อเสนอของ “กสศ.” มีว่า เส้นทางชีวิตของเด็กและเยาวชนนอกระบบนั้น รูปแบบการศึกษาของเด็กนอกระบบ การศึกษาต้องออกแบบให้มีความหลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของเด็ก ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มเด็กที่ต้องการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา
และ...กลุ่มเด็กที่ไม่มีความประสงค์จะเข้าสู่ระบบการศึกษาแต่มีความต้องการประกอบอาชีพ
“การส่งเสริมการศึกษาของเด็กกลุ่มที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากมีแรงจูงใจและความพร้อม แต่เด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการประกอบอาชีพโดยไม่ต้องการศึกษาต่อ จะยังขาดแรงจูงใจและความพร้อมในการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา...”
เด็กเหล่านี้ควรได้รับการศึกษาในรูปแบบของ “การศึกษา” เพื่อการประกอบอาชีพ ซึ่งจะทำให้เด็กกลุ่มนี้ได้รับการศึกษาไปพร้อมกับรายได้จากการประกอบอาชีพตามเป้าหมายของตัวเอง โดยกำหนดลักษณะของรูปแบบการศึกษาได้ 3 ประการคือ...
ต้องให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ที่ไหนก็ได้ (anywhere) เรียนเมื่อไรก็ได้ (anytime) และเรียนอะไรก็ได้ตามที่ตนเองสนใจ (anything) รวมถึงอาจใช้รูปแบบการเรียนแบบออนไลน์ ระบบธนาคารหน่วยกิต (credit bank) เพื่อสะสมและใช้เทียบโอนคุณวุฒิการศึกษาสำหรับการสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานต่อไปได้
เพื่อผลสุดท้ายปลายทาง...ให้เด็กมีความพร้อมใช้เรียนได้อย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง.
...
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม