(ตอนที่ 1)

โดยกลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ ที่เห็นชีวิตประชาชนเป็นที่ตั้ง ...พิจารณาด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลที่ต้องครบถ้วน ประโยชน์มีแต่ต้องคำนึงถึงผลแทรกซ้อนและที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่ (violate every rule in medicine)?

วัคซีนโควิด19 ขณะนี้ 2024 ต้องไม่เสนอขายบริการฉีดในประชาชนอีกต่อไป

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์เอง และประชาชนมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนกระทั่งมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นถึงหกหรือแปดเข็ม

และมีความจำเป็นต้องประเมินว่ามีความปลอดภัยสูงสุดจริงหรือไม่ รวมทั้งประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ไม่สามารถยึดถือคำกล่าวตั้งแต่ที่มีการนำวัคซีนออกมาใช้จากทางการของสหรัฐว่า วัคซีนมีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับทุกคน รวมทั้งเด็กและคนท้องและมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม

และจนกระทั่งมีรายงานในวารสาร แลนเซ็ท 2022 พบว่าวัคซีนที่ออกแบบจำเพาะสำหรับโอไมครอนมีประสิทธิภาพน้อยมากและยังคงมีความจงรักภักดีต่อไวรัสบรรพบุรุษต้นกำเนิดคือสายพันธุ์อู่ฮั่น

...

แต่ก็ยังมีการส่งเสริมการใช้อยู่ตลอด

รายงานในวารสาร Science ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ธ.ค.2022 มีการอธิบายว่า เมื่อมีการฉีดวัคซีนชนิด mRNA มากขึ้น ประสิทธิภาพใน การป้องกัน การติดเชื้อและ การป้องกันอาการหนักจะยิ่งลดลงกว่าที่คิดและน่าจะอธิบายถึงว่าทำไมในยุคโอมิครอน จึงมีการติดซ้ำอยู่เรื่อยๆ ซึ่งอธิบายเพิ่มเติมได้

และจนกระทั่งถึงปัจจุบัน 2024 มีรายงานถึงการติดเชื้อมากขึ้น หลังฉีดวัคซีนเข็มที่สาม รวมทั้งมีการเปิดเผยถึงผลกระทบที่เสียชีวิตหรือพิการต่อเนื่องจนเป็นปีหลังฉีด

1.จาก hybrid immune damping วัคซีนเมื่อฉีดไปแม้จะมากเข็มก็ตาม การตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ทั้งแอนติบอดี ระบบบีและทีเซลล์ จะเป็นต่อสายพันธุ์บรรพบุรุษอู่ฮั่น และเมื่อติดเชื้อโอไมครอนก็เป็นในลักษณะ
เช่นเดียวกัน

พิมพ์เขียวจงรักภักดีกับสายพันธุ์บรรพบุรุษโควิด แม้ว่าจะฉีดวัคซีน บูสเตอร์ ต่อ โอไมครอน XBB.1.5 ก็ไม่วาย กลับมีภูมิต่อตัวตั้งต้นมากกว่าตัวใหม่ที่ตั้งใจ จากรายงาน 2024 กลไก Immune imprinting Original antigenic sin ซึ่งทราบกันมานาน และยังเจอกับ IgG4 ที่เพิ่มหลังฉีดด้วย https://www.cell.com/immunity/fulltext/S1074-7613(24)00092-X

2.รายงานล่าสุด เมื่อได้รับวัคซีนมากขึ้น แอนติบอดีจะปรับเปลี่ยนเป็น IgG4 ซึ่งทำให้หน้าที่ในการฆ่าไวรัสด้อยลง เมื่อเทียบกับ IgG 1 และ 3 และอาจอธิบายประสิทธิภาพที่ถูกจำกัดลง อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.science.org/doi/10.1126/sciimmunol.ade2798

ยังเป็นไปได้ว่า ยังมีระบบต่อสู้กับไวรัสที่ไม่ผ่านทางเส้นทางดังกล่าว ที่เป็นระบบนักฆ่า จาก innate immunity แต่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการติดเชื้อตามธรรมชาติมากกว่าที่ได้จากวัคซีน หมายความว่าถ้าติดตามธรรมชาติและอาการไม่หนักและไม่เกิดภาวะลองโควิด ก็จะส่งผลดีกว่าได้

...

3.รายงานจากวารสาร Nature Scientific report วันที่ 15 มกราคม 2023 พูดถึง vaccine หลังเข็ม 3 จะทำให้ T cell exhaustion หรือ T เซลล์ หมดแรง แม้ว่าแอนติบอดีจะขึ้นก็ตามในคนที่ใกล้ชิดผู้ที่ติดเชื้อมีถึง 24.4% ที่มีการติดเชื้อโดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น และผลของการติดเชื้อแม้ว่าไม่มีอาการ จะทำให้มีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเหมือนคนที่ติดเชื้อ

แต่จุดใหญ่สำคัญในรายงานนี้ก็คือ เมื่อพิจารณาถึงการตอบสนองในระบบทีเซลล์ T cell ซึ่งเป็นตัวสำคัญในระบบความจำและเป็นระบบเพชฌฆาตนักฆ่า

การฉีดวัคซีนหลายเข็ม และเมื่อมีการติดเชื้อกลับ ทำให้ทีเซลล์หมดแรง เรียกว่า T cell exhaustion https://www.nature.com/articles/s41598-023-28101-5

4.และ คำกล่าวที่ว่า mRNA มีประโยชน์สำหรับคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องไม่น่าจะเป็นความจริง รวมทั้งคนปกติที่จะมี IgG4 มากมายยาวนาน และขัดขวางการต่อสู้กับเชื้อโรค https://link.springer.com/content/pdf/10.1007/s10238-023-01264-1.pdf

...

5.การถ่ายทอดผ่านรกของวัคซีน COVID-19 mRNA: หลักฐานจากการวิเคราะห์รกมารดา และเลือดจากสายสะดือหลังการฉีดวัคซีน https://www.ajog.org/article/S0002-9378(24)00063-2/fulltext?fbclid=IwAR213l0Ygqu3FCbE-9iXZ6eZUDjwBk6JnfHex9JA1W2CQKokz62WLOj7tpI

หมอดื้อ

คลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม