“สังคมไทย” ...กำลังตกหลุม “ลับ ลวง พราง” แปดเปื้อนมาตรฐานยุติธรรมเลี่ยงการลงทัณฑ์ ได้พวก “สนิมเนื้อในตน” สอดส่องช่องทางรอดเอื้ออภิสิทธิ์ชน?
กระนั้นทุกชีวิตก็คงหนีไม่พ้นคำพระท่านว่า “กัมมุนา วัตตตี โลโก” กรรมใดใครก่อย่อมจะได้รับผลกรรมนั้นเข้าสักวันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน
ว่ากันว่ายังมีลับ ลวง พราง อีกหลุมจากมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ “วิกฤติทิพย์” ไม่ต่างกรณีแรก...จะแจกเงินรายละหมื่นแต่ก็ยุ่งยิ่งกว่ายุงตีกันหรือลิงพันแห?
วิธีแก้ที่ผู้นำชุดไหนๆมักถนัดไม่พ้นนำนโยบาย “ท่องเที่ยว” เป็นนางกวักเรียกเงินสกุลต่างชาติมาใช้ โดยอ้างเรามีสินค้าเหลือเฟือเห็นผลเร็ว หนึ่งในนั้นคือ ดึงกลยุทธ์เชิงธุรกิจจับฝูงปลาเข้าข้อง ใช้วิธีเปิด “ฟรีวีซ่าถาวร” ตั้งแต่ 1 มีนาคมแก่ตลาดมังกรที่เคยทำสถิติปีละ 11 ล้านคน
ประเด็นสำคัญมีว่า สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น...รู้กันทั่วในหมู่ผู้ค้าอสังหาริมทรัพย์สุดหรู ณ วันนี้มีเศรษฐีมังกรต่อแถวรอคิวจองคอนโดฯ เป็นบ้านสำรองหลังที่สองในเมืองไทยกันเพียบ!
ในทางกลับกัน...หากเปิดคอนเทนต์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ใกล้ครบ 64 ปี จะพบว่าทิศทางที่กำลังก้าวเดินสู่อนาคตอย่างมั่นคง ภายใต้ข้อคำนึงถึงขีดความสามารถที่มีนั้น จะต้องยืนอยู่บนหลักความจริงของการพัฒนา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในภพนี้ที่ไม่ใช่ภพหน้า
โชคดีที่ “ท่องเที่ยวไทย” ถึงจะถูกลากไปเป็นม้าขาวแก้ปัญหาเศรษฐกิจบ้านเมือง ทว่าก็ยังมีการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ผลิต “แผนงานบูรณาการการสร้างรายได้จากท่องเที่ยว” ให้เป็นรูปธรรม
...
โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำนวัตกรรมการทำตลาดแนวใหม่ เน้นการแสวงหา “รายได้” เพิ่มขึ้น แทนเพิ่ม “จำนวนนักท่องเที่ยว” แบบไม่เป็นโล้เป็นพาย
สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการ ททท.ด้านตลาดในประเทศ ได้สรุปถึงสาระของแผนว่า เป็นยุทธศาสตร์ชาติด้านความสามารถในการแข่งขัน ให้ท่องเที่ยวไทยเดินต่อไปได้ถึง 20 ปีข้างหน้า ด้วยเนื้อหา 5 ประเด็น คือ...มุ่งส่งเสริมให้เกิดท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์วัฒนธรรม แต่ไม่ลืมเชิงธุรกิจ
เช่นกรณีปล่อยให้จีนใช้ทีเผลอ ผลิตกางเกงมวย กางเกงขาก๊วยช้าง ขายตลาดไทยกับชาติต่างๆ...ตามมาด้วยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพความงามและแพทย์แผนไทย อีกทั้งท่องเที่ยวสำราญทางน้ำที่ยังไปไม่ถึงไหน สุดท้ายเที่ยวเชื่อมภูมิภาคลบข้อครหาเส้นผมบังภูเขา
“แผนนี้กำหนดสร้างสินค้าพรีเมียม” สมฤดี ว่า “ด้วยกลยุทธ์ตลาดสื่อถึงมาตรฐานสินค้าและเทคโนโลยีบริการทุกคอนเทนต์ โดยหนุนรายได้ต่างชาติให้ได้หัวละ 5.48 หมื่นบาท ในประเทศอย่างน้อย 4 พันบาทต่อหัวต่อทริป...เป้าหมายปีนี้ 2.4 ถึง 3 ล้านล้านบาท”
สปอตไลต์ฉายไฟส่องไปที่ “โมเดลท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ” ซึ่งไทยเรามีไม่แพ้ชาติใดในอาเซียน เช่น ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยรวมอันดามัน 2,614 ตารางกิโลเมตร เกาะกลางสองฝั่งทะเล 936 เกาะ...แม่น้ำ 43 สาย 5,047 กิโลเมตร ทะเลสาบน้ำเค็มน้ำจืดอีกพะเรอเกวียน
เหล่านี้ล้วนมีศักยภาพขึ้นชั้น “ทัวริสซึมฮับ”...แต่ไฉน? ล้าหลังเพื่อนบ้านอาเซียน อย่างธุรกิจเรือครุยส์ที่นักลงทุนไทยเคยนำเข้าจากทะเลญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวียมาบริการอยู่พักใหญ่ ที่สุดต้องม้วนเสื่อเพราะขาดอาคารผู้โดยสารรองรับ แม้จะพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังรับอีอีซี ค่าเช่าท่าจอดก็แสนแพง
เช่นเดียวกับปัญหาราคาน้ำมันผันผวน...แต่ค่าทัวร์กลับถูกเอเย่นต์บีบจนต่ำสุด
ขณะสิงคโปร์ไปถึงไหนไม่รู้?...เรือสำราญจากทะเลแปซิฟิกและบัลติกจึงหยุดอยู่แค่นั้น มองข้ามไทยต้องถ่ายทัวริสต์ปีนจากเรือใหญ่ลงเรือเล็ก...ช่างพิลึกกึกกือเสียนี่กระไร
“ยุทธศาสตร์ 20 ปี จึงเหมือนการกลับมานับหนึ่งใหม่” สมฤดีย้ำ “อันที่จริงกิจกรรมท่องเที่ยวไทยสำราญทางน้ำถึงจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ปีที่แล้วเราทำรายได้ถึง 11,256 ล้านบาท”
นี่จึงถึงจุดโฟกัสลงตัวกับแผนงาน “ททท.ระยอง” ที่ปีก่อนมีผู้เยี่ยม เยือน 4.91 ล้านคน รายได้ 2.11 หมื่นล้านบาท ปีนี้...คาดว่าจะได้ 3 หมื่นล้านบาทชัวร์ ด้วยแคมเปญ “สุขทันที...ที่เที่ยวตะวันออก” ผนวก “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” ซึ่งมีสวนผลไม้ 40 แห่งแจ้งร่วมแจมแล้ว
...
วัชรพล สารสอน ผอ.ททท.ระยอง พูดถึงหมอนทองเริ่มติดดอกออกผลไม่แพ้ปีกลาย พอเพียงแชร์โควตาให้ล้งส่งขายจีนแล้วเหลือให้คนไทยได้ชิมทุเรียนฤดูนี้
“ชาวสวนเก็บเฉพาะค่าบุฟเฟต์ผลไม้คนละ 500 บาท ถ้ากินอาหารเพิ่มอีกร้อย แต่ถ้าชั่งนั่งกินก็คิดเท่าราคาสินค้าเกษตร” วัชรพลว่า
ส่วนแผนท่องเที่ยวสำราญทางน้ำวัชรพลแนะว่า เป็นมิติใหม่ของ... “ระยองเวิร์กเคชัน” ที่หนุนคนมาเที่ยวบวกการทำงานเข้าพักโรงแรมร่วมโครงการ 2 คืนขึ้นไป ททท.ระยองจะจ่าย 300 บาทให้ผู้ประกอบการถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งก็เป็นช่วงทะเลสงบเหมาะกับทัวร์บนน้ำใต้น้ำพอดี
“จึงจับมือภูผาทัวร์ครีเอทโปรแกรมดำน้ำที่เกาะมันกลางมันนอกและเสม็ดกับคนทุกวัย”
ย้ำว่า...ทัวร์นี้มีครูผู้สอนผ่านหลักสูตรมาสเตอร์ไดฟ์วิงและสวิฟต์วอเตอร์ช่วยผู้ประสบภัยจากกองทัพเรือมาแล้ว โดยแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุกับเด็ก 3 ขวบขึ้นไปฝึกการใช้สน็อกเกิลลิงผิวน้ำ ความลึกไม่เกิน 5 เมตรที่เกาะมันกลาง และมีครูดูแลพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือ
...
โสธร เทพนุเคราะห์ กรรมการผู้จัดการวัยหนุ่มแห่งภูผาทัวร์ อธิบายขยายความให้ฟังว่า โปรแกรมทัวร์ข้างต้นนี้ผู้สูงอายุจะได้ผ่อนคลาย ส่วนเด็กๆก็ได้สัมผัสโลกมหัศจรรย์ใต้ทะเล มีโขดหินประดับปะการังหัวกะโหลก กัลปังหา หอยมือเสือ ซึ่งขึ้นบัญชีสัตว์สงวนเป็นซิกเนเจอร์ทะเลแถบนี้
ทั้งยังจะได้เห็นปลากุดสลาด ใบขนุน เก๋า บางครั้งอาจได้เจอกับเต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่ากระ ว่ายปนปลานีโมงดงาม บอกถึงความสมบูรณ์ของทะเล
สำหรับผู้ที่มีทักษะดำสกูบาได้แล้ว โสธร บอกว่า ทีมงานจะฝึกการเคลียร์ร่างกายให้หูและการหายใจรับกับสภาพแวดล้อมและการนำร่างขึ้นสู่ผิวน้ำกรณีฉุกเฉิน
ก่อนดำความลึกไม่เกิน 20 เมตรที่ “เกาะมันนอก” ดูซากเรือสำเภาจีนที่ล่มปราศจากสมบัติเพราะถูกขโมยจนหมดและปลอดอาถรรพณ์ใดๆทั้งสิ้น
“ทะเลช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะกับนักดำน้ำสมัครเล่น เนื่องจากทะเลเปิด...อาทิตย์จะสังเคราะห์แสงส่องผ่านถึงพื้นให้เห็นหอยมือเสือตัวโตขนาด 1 เมตร ไม่ดุร้าย แต่ห้ามแตะหรือจับ
เพราะเวลามันตกใจจะรีบปิดฝางับฝ่ามือบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และไม่ต้องกังวลเรื่องอุบัติภัย ด้วยทัวร์นี้มีการซื้อประกันสำหรับซอฟต์แอดเวนเจอร์ไดฟ์เวอร์ทุกชีวิตไว้แล้ว”
“ระยอง”...กำลังเปล่งออร่ากับโปรแกรมนี้ คาดปีนี้ทำรายได้ 3 หมื่นล้านบาท หรือ 2.4 ถึง 3 ล้านล้านบาททั้งประเทศแน่นอน ยกเว้นจะมีใครทำให้เกิดสะดุดหกล้มเสียก่อน...อันนี้ก็เป็น “อุบัติเหตุ” ไม่คาดฝัน คงไม่มีใครช่วยได้.
...
คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปหน้า 1" เพิ่มเติม