ตำรวจเตรียมพร้อมรับมือ นทท.จีน แห่เข้าไทยช่วงเทศกาลตรุษจีน สั่งเพิ่มวงรอบการตรวจใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ-ประสานตำรวจสากลจับตาจีนเทาแฝงตัว

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 67 ที่ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามนโนบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้การท่องเที่ยวเป็นหลักสำคัญการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้มีการร่วมมือกับรัฐบาลจีน โดยมีฟรีวีซ่าไทย-จีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป คนไทยและชาวจีนสามารถเดินทางเข้าประเทศอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างสำคัญ โดยสามารถพำนักในประเทศอีกฝ่ายหนึ่งได้เป็นเวลาไม่เกิน 30 วัน

สถิตินักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 มี 3,729,573 ราย และ ม.ค. 2567 มี 545,158 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มยกเว้นวีซ่า ซึ่งเพิ่มขึ้น 440% เมื่อเทียบกับ ม.ค. 2566 โดยภายหลังนโยบายการยกเว้นการทำวีซ่า 25 ก.ย. 2566 เป็นต้นมา มีสถิตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 34% และ ม.ค. 67 เพิ่มขึ้น 23% จากเดือนก่อน เห็นได้ชัดว่า นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่จะถึงนี้ มีเทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวของชาวจีน ทำให้จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นจากเดือน ม.ค.เกือบเท่าตัว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้หน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรภาคต่างๆ และตำรวจนครบาล เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในเวลาดังกล่าว ให้สามารถเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยได้อย่างมั่นใจ และอยากจะกลับมาเที่ยวซ้ำอีก ซึ่งจะสามารถทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทย เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

...

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเพิ่มเติมว่า ส่วนมาตรการที่จะปรับเพิ่ม คือการปรับวงรอบการตรวจ และร่วมมือกับอาสาสมัครมาช่วยตำรวจรวมถึงใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัย เช่น กล้องติดตัวสายตรวจ และใช้โดรนในการตรวจทางอากาศ พร้อมประสานกับตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลในการเฝ้าระวังจีนเทาที่จะแฝงตัวเข้ามา เนื่องจากคนไม่ดีหรือคนที่มีหมายจับก็จะมีการขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์ไว้อยู่แล้ว ก็จะไม่อนุญาตเข้ามาในไทย พร้อมร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก ให้เฝ้าระวังกวดขันรถแท็กซี่สาธารณะไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว รวมถึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันในการสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวจีน คือ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, พัทยา, ภูเก็ต หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ซึ่งในส่วนของมาตรการทางตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจท้องที่ก็มีมาตรการระดับหนึ่งอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ก็ปรับวงรอบการตรวจมากขึ้น หรือเพิ่มจุดตรวจ ส่วนปัญหาระบบไบโอเมตริกที่มีปัญหาระบบล่ม ยอมรับว่าเรื่องเทคโนโลยีก็มีขัดข้องบ้าง แต่ไม่ต้องกังวล เพราะหากออนไลน์มีปัญหา ก็มีระบบสำรองหรือออฟไลน์ หรือที่เรียกว่าแบล็กลิสต์ออฟไลน์ ในการตรวจแบบแมนวลหรือระบบออฟไลน์ในการตรวจแต่อาจจะต้องใช้เวลามากขึ้น