นับแต่ปี 2555 การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลของไทยประสบวิกฤติการระบาดของโรคตายด่วน หรือ EMS-AHPND สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมกุ้งไทยตลอดห่วงโซ่การผลิต
กรมประมงได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สวก. ดำเนินการโครงการศึกษาวิจัยเรื่อง “การสร้างประชากรพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวปลอดโรคและโตดีเพื่อการเพาะเลี้ยงในประเทศไทยและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน” เพื่อพัฒนาสายพันธุ์กุ้งขาวแวนนาไมให้มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีการปรับปรุงพันธุ์
...
จนประสบผลสำเร็จ และได้กุ้งขาวแวนนาไม 2 สายพันธุ์ใหม่ คือ “เพชรดา 1” มีลักษณะเด่นด้านการเจริญเติบโตดี และ “ศรีดา 1” เด่นในด้านการต้านทานโรค EMS-AHPND
“การวิจัยปรับปรุงพันธุ์ครั้งนี้ ได้นำประชากรกุ้งขาวแวนนาไมสายพันธุ์จากต่างประเทศและในประเทศ มาประเมินความหลากหลายทางพันธุกรรมด้วยการใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอไมโครแซทเทลไลท์ 8 ตำแหน่ง และตรวจสอบการปลอดจากเชื้อก่อโรค 8 โรค คือ โรคตัวแดงดวงขาว (WSSV) โรคทอร่าซินโดรม (TSV) โรคหัวเหลือง (YHV) โรคแคระแกร็น (IHHNV) โรคกล้ามเนื้อขาวหรือกล้ามเนื้อตาย (IMNV) โรคไวรอลโคเวร์ทมอร์ทาลิตี้ (CMNV) โรคอีเอชพี (EHP) และโรคเอเอชพีเอ็นดี (AHPND) หรือโรคตายด่วน (EMS-AHPND) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio para haemolyticus ปรากฏว่า กุ้งขาวที่ได้จากแหล่งภายในประเทศเหมาะสมที่สุด”
นายคงภพ อำพลศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง เผยอีกว่า จากนั้นจึงดำเนินการปรับปรุงพันธุ์ด้วยวิธีการคัดเลือก (selective breeding) อีก 6 รุ่น/ชั่วอายุ (generations) โดยเป็นการดำเนินการบนพื้นฐานวิธีแบบมาตรฐานเดิม ร่วมกับการพัฒนาและประยุกต์ใช้เครื่องหมายโมเลกุล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในกระบวนการคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ จนสามารถพัฒนาสายพันธุ์ได้ประชากรพ่อแม่พันธุ์กุ้งขาวปลอดโรค 2 สายพันธุ์ดังกล่าว
สำหรับสายพันธุ์โตดี “เพชรดา 1” ทำการปรับปรุงพันธุ์และดำรงรักษาสายพันธุ์ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพชรบุรี ผลการเลี้ยงทดสอบการเจริญเติบโตในบ่อผ้าใบภายนอกอาคาร และการเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ภายในอาคารปรับปรุงพันธุ์ พบว่า การเลี้ยงทั้ง 2 แบบแสดงการเจริญเติบโตสูงขึ้นจากรุ่น P0 ถึงรุ่น F6
นอกจากนี้ การทดสอบการเจริญเติบโตโดยการเลี้ยงเปรียบเทียบกับพันธุ์กุ้งจากแหล่งอื่น ทั้งในฟาร์มเกษตรกรและในศูนย์ พบว่า “เพชรดา 1” มีค่าเฉลี่ยการเจริญเติบโตสูงกว่าพันธุ์กุ้งแหล่งอื่นที่นำมาเปรียบเทียบ
...
และจากการเลี้ยงกุ้งรุ่น F6 ในบ่อผ้าใบความจุ 25 ลูกบาศก์เมตร พบว่า ผลการเจริญเติบโตกุ้งมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.46 กรัม/วัน น้ำหนักเฉลี่ย 43.76 กรัม/ตัว และมีอัตรารอดตายเฉลี่ย 91%
ส่วนสายพันธุ์ต้านโรค EMS–AHPND “ศรีดา 1” ทำการปรับปรุงพันธุ์และดำรงรักษาสายพันธุ์ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำนคร ศรีธรรมราช จากผลการทดสอบความต้านทานเชื้อก่อโรค EMS– AHPND พบว่า ค่าเฉลี่ยอัตรารอดตาย จาก 37.51±12.24% ในรุ่น P0 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 63.59±33.36% ในรุ่น F6
โดยผลการทดสอบความต้านทานเชื้อก่อโรค EMS-AHPND ในรุ่น F4, F5 และ F6 เปรียบเทียบกับกุ้งจากแหล่งพันธุ์อื่น พบว่า กุ้งทุกรุ่นมีอัตรารอดตายเฉลี่ยไม่แตกต่างกับทุกแหล่งพันธุ์ที่นำมาเปรียบเทียบ
อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบกุ้งสายพันธุ์ต้านโรค EMS-AHPND “ศรีดา 1” ในรุ่น F6 ได้แสดงถึงความสามารถในการต้านเชื้อก่อโรค EMS-AHPND ของกุ้งกลุ่มคัดเลือกรุ่นล่าสุดว่ามีเพิ่มสูงขึ้นมากกว่ากุ้งกลุ่มควบคุมในรุ่นเดียวกันและกุ้งจากแหล่งพันธุ์เอกชนบางแหล่ง
...
ขณะนี้กุ้งขาวแวนนาไมทั้ง 2 สายพันธุ์ ยังอยู่ในระยะการวิจัยเพื่อต่อยอดเพิ่มเติม โดยกรมประมงจะได้นำกุ้งขาวที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์จากโครงการ มาทำการทดสอบในเชิงพาณิชย์ ทั้งในด้านการใช้พ่อแม่พันธุ์ การเพาะฟักและอนุบาล รวมถึงการนำไปเลี้ยงให้ได้ขนาดที่ตลาดต้องการในบ่อเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรที่มีรูปแบบและสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการนำกุ้งขาวทั้ง 2 สายพันธุ์ ไปเลี้ยงให้เกิดผลผลิตที่ดี มีคุณภาพต่อไป.
ชาติชาย ศิริพัฒน์
คลิกอ่าน “ข่าวเกษตร” เพิ่มเติม