เป็นข่าวสะเทือนวงการตำรวจ เมื่อตำรวจชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT และ บช.สอท.หรือ “ตำรวจไซเบอร์” นำกำลังคอมมอนโดบุกเข้าค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ภายในซอยวิภาวดี 60
หลังพบลูกน้องมีเส้นทางการเงินเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นเครือข่ายพนันออนไลน์ใหญ่
นำมาสู่การปฏิบัติการ 30 จุด 6 จังหวัด พื้นที่ จ.เพชรบุรี จ.สมุทรปราการ จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.สระบุรี และกรุงเทพฯ จับกุมผู้ต้องหาพลเรือน 13 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 นาย
ประเด็นใหญ่ของตำรวจ
การขอหมายของศาลนำเข้าตรวจค้นบ้านพักนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจและจับตา หลีกหนีไม่พ้นประเด็นวิพากวิจารณ์ “คนนอก” จับตาเรื่องของการช่วงชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ที่มีประเด็นขัดแย้งกันมาก่อนหน้า แต่ประเด็นสำคัญคือพยานหลักฐานทำให้ศาลอนุมัติหมายเข้าตรวจค้น
หลังรับรายงานจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เกี่ยวกับการเข้าตรวจค้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ มีคนนอกร่วมตรวจสอบ
เพื่อให้เกิดความชัดเจน
นายกรัฐมนตรี มองว่า “ปัญหาเรื่องนี้ใหญ่มากผูกพันหลายเรื่อง ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชน”
เรื่องนี้คงไม่ใช่แค่คดีธรรมดา ตามมุมมองของนายกรัฐมนตรี
คงเหมือนกับสิ่งที่สังคมคิด ผิดถูกว่ากันตามพยานหลักฐาน ใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ต้องดำเนินการเด็ดขาด เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มอมเมาเด็กและเยาวชน ทำให้สังคมไทยเสื่อมทราม
อีกทั้งเครือข่ายพนันออนไลน์มีเงินหมุนเวียนหลายพันล้านบาท
...
ตำรวจที่จับกุมทำข้อมูลสืบสวนระบุว่า เส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงตำรวจและขบวนการทั้งหมด บางรายเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ บางรายเป็นคนโอนเงิน เข้าข่ายฟอกเงิน อยู่ระหว่างตรวจสอบทางคดีในเชิงลึก
พร้อมขยายผล ดำเนินการกับผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องทุกราย
แต่ขณะเดียวกัน คดีนี้สังคมมองเหมือนนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องใหญ่มากกว่าทางคดี ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นขององค์กรตำรวจ ความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน จึงต้องให้มีคนนอกมาร่วมตรวจสอบ
ที่สำคัญคดีนี้คงต้องรีบทำให้กระจ่าง ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เป็นคดีใหญ่ที่ห้ามกะพริบตา สิ่งที่สังคมเฝ้ารอความจริง.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th