ชุดคลี่คลายคดีแก๊งตำรวจตบทรัพย์เจ้าของเว็บพนัน 140 ล้าน เรียก “ต้อม นครสวรรค์” เซียนพระดังปากน้ำโพ สอบเครียดโยงยอดเงิน 28 ล้าน หลังได้ตัว 4 พยานปากเอกหิ้วเงินสดใส่กระเป๋าใบใหญ่ไปให้ลูกน้องอดีตผู้การที่เชียงราย ก่อนพบโอนเข้าบัญชีม้าไปยังเซียนพระ รับรู้จัก “บอย” หน้าเสื่อที่ยังกบดานต่างประเทศ อ้างเคยเช่าพระบ่อย แต่ไม่รู้เป็นเงินร้อนรีดมาจากผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนพบจุดนัดจ่ายเงินถึง 5 แห่ง เตรียมเรียกตัวละครสอบเพิ่มมีทั้ง ตร.นอกรีตและพลเรือน ก่อนส่งสำนวนต่อให้ ป.ป.ช.ฟัน
ยังคงเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีเจ้าของเว็บพนันแจ้งความดำเนินคดี พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมพวกอ้างว่าถูกรีดเงิน 140 ล้านบาท หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.กัมพล ถูกย้ายด่วนพ้นตำแหน่งทันที ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกับนายตำรวจที่เกี่ยวข้องอีก 10 นาย ขณะที่นายพิสิษฐ์ หรือต้น คณิศรพาณี และนายวีระ หรือบอย นาทรัพย์ ผู้ต้องหาคนสำคัญและเป็นหน้าเสื่อรับเคลียร์เงินยังคงหลบหนีออกนอกประเทศ เตรียมขอหมายแดงไล่ล่า และคาดว่ายังมีพลเรือนกับตำรวจนอกรีตร่วมแก๊งอีก 10 คน ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างสอบเส้นทางเงินหาผู้เกี่ยวข้องที่เหลือ
...
เจอกระเป๋าขนเงิน 28 ล้าน
ความคืบหน้าการขยายผลดำเนินคดีแก๊งตำรวจฉาวโฉ่ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. มีรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจชุดคลี่คลายคดีรีดทรัพย์เจ้าของเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาทนำพยาน 4 คนพร้อมกระเป๋าเดินทางสีเทาใบใหญ่อีก 1 ใบมาสอบสวนที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บลายนิ้วมือแฝงกระเป๋าเดินทางดังกล่าวที่เคยบรรจุเงิน 28 ล้านบาท ภายหลังนายธนินวัฒน์ หรือเป้ อุดมเชาวเศรษฐ์ ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันถูกเรียกเงินรีดไถเพิ่มเป็น 140 ล้านบาท นายเป้ติดต่อไปยังเครือข่ายเว็บพนันที่อยู่ฝั่งประเทศเมียนมาให้โอนเงินจำนวน 28 ล้านบาทผ่านบัญชีม้าแล้วให้เจ้าของบัญชีถอนเงินทั้งหมดใส่ในกระเป๋าเดินทางใบดังกล่าว
แฉลูกน้องผู้การหิ้วเงินไป
หลังจากนั้นมีการจ้างวานให้พยานทั้ง 4 คนนำเงินไปส่งให้กับตำรวจเครือข่ายของอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นัดหมายส่งมอบเงินกันที่วัดแสงแก้วโพธิญาน จ.เชียงราย และพยานทุกคนปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐานได้ ก่อนเชิญตัวทั้งหมดมาสอบปากคำ เบื้องต้นพยานทั้ง 4 คนให้การยืนยันว่าไม่รู้เงิน 28 ล้านบาทเป็นเงินที่ถูกรีดไถ เข้าใจว่าเป็นค่าพระเครื่อง และหลังส่งมอบเงินแล้วตำรวจที่เดินทางไปรับได้เปลี่ยนถ่ายไปใส่กระเป๋าใบอื่นแล้วคืนกระเป๋าใบดังกล่าวให้พยาน ทั้งนี้มีรายงานว่าเงินดังกล่าวถูกโอนเข้าบัญชีม้าก่อนโอนต่อไปยังบัญชีของเซียนพระชื่อดังรายหนึ่ง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเชิญตัวมาให้ปากคำ
สอบเซียนพระโยงเงิน 28 ล.
ต่อมาเวลา 15.50 น. นายกฤษฎา ไทยสำราญ หรือต้อม นครสวรรค์ เซียนพระชื่อดังใน จ.นครสวรรค์ พร้อมลูกน้องอีก 1 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวที่สมาคมพนักงานสอบสวนสโมสรตำรวจ หลังมีข่าวพัวพันกับเงิน 28 ล้านบาทที่นายเป้จ่ายให้กับแก๊งตำรวจตบทรัพย์ โดยมี พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม บช.น. และ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 สอบปากคำในฐานะพยาน เนื่องจากนายต้อมกับนายวีระ หรือบอย นาทรัพย์ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อเคลียร์เงินเป็นเพื่อนกัน อีกทั้งนายบอยมักเช่าพระกับนายต้อมหลายครั้ง ส่วนเงิน 28 ล้านบาทที่พนักงานสอบสวนพบความเชื่อมโยงระหว่างสองคน ตามรายงานระบุว่าเป็นเพราะนายบอยเช่าพระเครื่องกับนายต้อม รวมถึงเครื่องรางของขลังต่างๆและอาจมีมากกว่า 28 ล้านบาทและหลายยอด พนักงานสอบสวนจึงต้องเชิญตัวต้อม นครสวรรค์มาสอบถามในหลายประเด็น แต่ยังไม่ปรากฏข้อมูลว่านายต้อมเกี่ยวข้องกับการรีดเงินนายเป้กว่า 140 ล้านบาท
รับรู้จัก “บอย”-ไม่รู้เงินพนัน
ทั้งนี้ระหว่างการสอบปากคำ นายต้อมออกมาเข้าห้องน้ำ ทำให้กองทัพสื่อมวลชนที่เฝ้ารออยู่เข้าไปสอบถามว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับเงิน 28 ล้านบาท นายต้อมตอบสั้นๆว่า “ไม่เกี่ยวข้อง ขอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน เมื่อถามว่ารู้จักกับบอยหรือไม่ นายต้อมยอมรับว่า “รู้จักเพราะเป็นเพื่อนกัน” ต่อข้อถามว่าได้รับเงินหรือเปล่า เจ้าตัวระบุ “ไม่ใช่ครับ ผมเป็นเซียนพระเครื่อง” อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าเบื้องต้นนายต้อมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่รู้ว่าเงินที่นายบอยนำมาเช่าพระเป็นเงินที่ได้มาจากการรีดทรัพย์หรือไม่
รอคำแก้ต่าง “พล.ต.ต.กัมพล”
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 หนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า สำหรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีต ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ที่จะต้องนำส่งให้พนักงานสอบสวนภายในระยะเวลา 5 วัน เจ้าตัวไม่มีเหตุจำเป็นต้องเข้ามาเอง สามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นนำเข้ามาส่งหรือเข้ามาส่งเองก็ได้ ส่วนประเด็นที่เจ้าตัวจะต้องชี้แจงเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา อาทิ ม.157 การละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ/ม.149 การเรียกรับผลประโยชน์/ม.309 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด เป็นต้น เพื่ออธิบายว่า การนำตัวผู้ต้องหาไปพบในวันเกิดเหตุข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทำไมนำตัวผู้ต้องหาไปที่กองบังคับการจังหวัดชลบุรี และเมื่อเข้าไปพบแล้วมีพฤติการณ์เรียกรับเงินตามที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่อย่างไร และการที่ผู้ต้องหาถูกนำตัวไปยังจุดอื่นๆหลายที่ เพราะสาเหตุอะไร ในขณะนั้นไปในสถานะใดเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่
...
จ่อส่งสำนวนต่อให้ ป.ป.ช.ฟัน
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องจำนวนเงิน 140 ล้านบาท ว่าอดีตผู้บังคับการฯชลบุรี มีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างไร เจ้าตัวก็จะต้องชี้แจงผ่านหนังสือคำให้การแก้ข้อกล่าวหาให้ครบถ้วนทุกประเด็น อาจจะระบุว่าไม่มีส่วนรู้เห็น หรือไม่ได้เรียกรับใดๆ เป็นสิทธิที่เจ้าตัวสามารถให้การอย่างไรก็ได้ แต่คณะพนักงานสอบสวนก็จะนำคำให้การนั้นไปประกอบพิจารณากับพยานหลักฐานที่รวบรวมไว้ และถ้าหากมีประเด็นใดที่พนักงานสอบสวนเล็งเห็นเพิ่มเติม เห็นควรว่าต้องเรียกมาสอบปากคำ จากนั้นจึงค่อยออกหมายเรียกต่อไป แต่ถ้าไม่มีเหตุให้สอบปากคำเพิ่มเติมก็จะยึดในคำให้การนั้นๆ ถัดไปจึงส่งสำนวนให้ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาไต่สวนในส่วนของพฤติการณ์การทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีกรอบระยะเวลา 30 วัน
ไล่บี้ “เสี่ยบอย” ร่วมตั้ง ศปอส.
เมื่อถามถึงเรื่องการที่นายบอยและอดีตผู้การชลบุรี มีส่วนร่วมในการตั้งศูนย์ศปอส.ชลบุรี พร้อมร่วมคัดเลือกตำรวจผู้ปฏิบัติงานเอง พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า ประเด็นนี้เจ้าตัวก็จะต้องทำคำชี้แจงให้การเช่นเดียวกัน และพนักงานสอบสวนจะต้องไปตรวจสอบดู หากไม่ครบถ้วนตามประเด็น อาจกำหนดประเด็นคำถามที่ขาดเหลือเพื่อให้เจ้าตัวตอบให้ครบ สำหรับนายเป้แม้ขณะนี้ยังถือว่าเป็นผู้เสียหายในคดี แต่อีกกรณีก็เป็นผู้ต้องหาในคดีจัดให้มีการเล่นการพนัน-ฟอกเงิน หากมีประเด็นใดที่ต้องสอบถามเพิ่มเติมก็ต้องเรียกมาสอบในฐานะพยานเพื่อให้ได้ข้อมูล ส่วนเรื่องเว็บพนันเจ้าหน้าที่จะไล่ตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ รวมถึงเรื่องทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำเว็บพนันโดยตรง
สอบพบจุดจ่ายเงิน 5 แห่ง
“ชุดสืบสวนจะเร่งติดตามการจ่ายเงินทั้ง 5 จุด ว่ามีผู้เกี่ยวข้องใดอีกบ้างเพื่อพิจารณาออกหมายจับหรือเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา คาดว่าจะมีอีกมาก อาทิ ตำรวจ 4-5 นาย และพลเรือนอีก 4-5 นาย เพราะจุดจ่ายเงินมีทั้งที่คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จ.เชียงราย สนามบินสุวรรณภูมิ โรงแรมเซ็นทารา พัทยา และร้านกาแฟแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เราทราบตัวผู้รับเงินบางจุดแล้วประมาณ 2-3 จุด จากนี้จะให้พยานมาชี้ตัวบุคคล เนื่องจากพยานจำหน้าได้ เพื่อยืนยันว่าคนนี้คือบุคคลที่อยู่ในจุดรับจ่ายเงินหรือไม่” พ.ต.อ.ภาคภูมิกล่าว
...
ผบ.ตร.ชี้ผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยถึงคดีตำรวจตบทรัพย์รีดเงินผู้ต้องหา 140 ล้านบาท และมีการพาดพิงถึงการชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ว่าเรื่องนี้ตนไม่ทราบรายละเอียด ส่วนคดีของ บก.ภ.จ.ชลบุรี ต้องทำตรงไปตรงมา กำชับทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ไปแล้วว่าคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่เข้าข่ายเรื่องผิดในตำแหน่งหน้าที่ ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใสที่สุด กรณีบุคคลที่เกี่ยวข้องมีถึงระดับ ผบก. และยังมีการกล่าวหาไปยังตัวละครที่ใหญ่กว่า ผบก. ตนยังไม่ได้ยิน คงจะรายงานมาเป็นระยะๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย จะต้องทำให้ถูกขั้นตอน เบื้องต้นเห็นว่าการกระทำของตำรวจอาจจะผิดขั้นตอนไปหลายขั้นตอน เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ต้องดูภาพรวมอีกครั้ง โดย บช.ภ.1 มี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะต้องรอความชัดเจนของทุกฝ่ายก่อน
...
รอสอบเพิ่มตำรวจเกี่ยวข้อง
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนการสอบสวนขยายผลยังพบตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 2-3 นาย ประเด็นนี้มีรายงานมาเบื้องต้น ส่วนใครจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องเร็วๆนี้คงจะมีความชัดเจนมากเรื่อยๆ ส่วนพลเรือนที่เกี่ยวข้องได้มีการออกหมายจับไปเรียบร้อยแล้ว คงเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หากจะมามอบตัวก็เข้ามามอบตัว หากไม่มามอบตัวก็จะพยายามประสานงานเอาตัวมา ส่วนที่มีกระแสข่าวระบุว่าพลเรือนมีอำนาจมากกว่า ผบก.ประเด็นนี้ ขอให้คนที่รู้เรื่องเป็นผู้ชี้แจงดีกว่า ตนรอรับรายงานในภาพรวมเรื่องนี้
ไม่เชื่อเอี่ยวศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.
เมื่อถามว่าข่าวที่ปรากฏมีลักษณะการแย่งชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่มีความคิดนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ ตนยังไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น ต้องไปถามคนที่มีความคิด ตนยังไม่มีความคิดอย่างนั้น ไปดูตามข้อเท็จจริงตามคดีต่างๆ เนื่องจากเรื่องนี้มีการร้องเรียนและไปแจ้งความที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี นำไปสู่การตรวจสอบ ไม่ได้มีกระบวนการที่จะต้องไปแซะอะไร อาจจะเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ก็ว่ากันไป ถามอีกว่าการที่ผู้ต้องหามาแจ้งจับตำรวจ ทำไมถึงมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า มีโอกาสเกิดขึ้นได้หมด ทุกคนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ผู้กระทำผิดเมื่อถูกรีดหรือถูกอะไรก็สามารถมาเป็นผู้กล่าวหาได้