ทนายแนะแนวทางกฎหมาย ปมเด็กชายวัย 5 ขวบ โดนสุนัขของญาติกัดหูขาด เป็นแผลเหวอะ เกือบหูหนวก ด้านคู่กรณีจ่าย 1 หมื่นขอจบเรื่อง  

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 9 มิถุนายน 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ กรณีแม่สุดช้ำ หมากัดลูกชาย 5 ขวบ หูขาด เยียวยาแค่ 1 หมื่น

คุณสาธิตา หรือ คุณหมวย แม่ของเด็ก เล่าว่า ลูกชายเคยโดน "เจ้าลีโอ" สุนัขของป้าสะใภ้ ทำร้ายมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อปี 2563 โดนที่ฝ่ามือ และปี 2564 โดนกัดที่ขา และล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าของสุนัขซึ่งเป็นญาติ พาคนมาตัดผมแล้วเจ้าลีโอตามมาด้วย ตอนนั้นลูกชายวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านและเอาไม้ตีพื้น ตนจึงพาลูกชายเข้าไปด้านในบ้าน แต่มีช่วงจังหวะหนึ่งตนเข้าห้องน้ำ แค่เสี้ยวนาทีก็ได้ยินเสียงลูกร้องกรี๊ดดังลั่น แล้วเห็นลุงคนหนึ่งอุ้มลูกแล้วเอาผ้าปิดหูลูกไว้ พอเขาเปิดผ้าออกมา ก็เห็นหูของลูกห้อยลงมาด้วย เลือดไหลเยอะมาก แล้วก็มีแผลลึกที่ใบหน้า ตามร่างกาย หลังเกิดเรื่องพี่ชายได้เข้าไปขวางจนโดนเจ้าลีโอกัด แล้วเจ้าบิ๊กสุนัขของบ้านเราก็เข้ามาช่วย

เปิดแนวทางกฎหมาย ปมเด็ก 5 ขวบโดนหมากัดหูขาด คู่กรณีเยียวยาแค่ 1 หมื่น

...

คุณไอซ์ ลุงของเด็ก เล่าว่า ตอนนั้น ตนอยู่บ้าน พอได้ยินเสียงหลานกรี๊ดก็วิ่งออกมาเลย ออกมาขวางหลานไว้จึงโดนเจ้าลีโอกัดขา จากนั้นเจ้าบิ๊กก็เข้ามาช่วยไว้ ลีโอจึงหันกลับไปกัดกับบิ๊กแทน หากวันนั้นไม่มีเจ้าบิ๊กตนอาจจะเละกว่านี้ก็ได้ หลังจากไปโรงพยาบาลหมอบอกว่า หูหลานอาจจะไม่ได้ยินแล้ว เพราะอวัยวะข้างในออกมาด้วย โดนขย้ำทั้งกะโหลก แต่ดีที่ตอนนี้หูหลานได้ยินแล้ว เหลือเพียงบาดแผลที่หู

คุณหมวย เล่าต่อว่า ลูกชายออกจากโรงพยาบาลวันที่ 15 พฤษภาคม แล้ววันที่ 16 พฤษภาคม หมอได้ให้ใบรับรองแพทย์เพื่อใช้ไปแจ้งความ ในวันนั้นที่โรงพักเราบอกว่าอยากแจ้งความเป็นหลักฐาน ในกรณีที่อีกฝ่ายไม่ช่วยจะได้มีหลักฐาน แต่ตำรวจยืนยันว่า ไม่สามารถแจ้งความได้เพราะไม่มีเจ้าของสุนัขไปด้วย เมื่อกลับมาบ้านจึงไปปรึกษาป้าสะใภ้เจ้าของสุนัข ซึ่งป้าเขาก็โอเคที่จะไปแจ้งความด้วย

เปิดแนวทางกฎหมาย ปมเด็ก 5 ขวบโดนหมากัดหูขาด คู่กรณีเยียวยาแค่ 1 หมื่น

แต่พอวันที่ 17 พฤษภาคม ป้าได้พาลูกสาวมาหาที่บ้านให้ไกล่เกลี่ย เขาไม่อยากให้มีคดีติดตัว และกลัวชาวบ้านนินทา เขาจึงเสนอเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพื่อไว้เป็นค่าเดินทาง ให้เราพาลูกไปล้างแผล ซึ่งเราก็ยินดีรีบไว้ พูดกันตรงๆ คือวันนั้นเราก็ไม่มีเงิน โดยวันนั้นเขาช่วยมา 1 หมื่นบาท เราตกลงกันว่าเป็นเงินให้มาก่อน ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมค่อยมาตกลงเรื่องค่าเสียหายอีกครั้ง ซึ่งเขาบอกว่า ถ้าเด็กหูหนวกก็จะรับผิดชอบตามบิลของหมอเท่านั้น ซึ่งเราก็ไว้ใจ เพราะเห็นเขามาตั้งแต่เด็ก เป็นป้าสะใภ้เรา ระหว่างนั้นอีกฝ่ายก็มาไถ่ถามทุกวัน จนวันที่ 23 พฤษภาคม ตนได้พาลูกไปตรวจ ซึ่งหมอบอกว่าหูลูกได้ยิน ไม่มีปัญหา ทำให้ทางนั้นหายเงียบไปเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้ถามเพิ่มเติม เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ว่าง 

คุณไอซ์ กล่าวเสริมว่า ปกติแล้ว เจ้าลีโอจะดุกับเด็ก และคนที่อยู่ใกล้เจ้าของ และมีไล่กวดรถ จนวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ขณะที่ตนกำลังเล่นกับหลานที่หน้าบ้าน เห็นเจ้าลีโอข้ามฝั่งมาที่บ้านเราอีก ทำท่าวิ่งเข้ามากระโจนใส่หลาน ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่โอเค เพราะเขาไม่แก้ไขอะไรเลย หลังเกิดเหตุก็เจ้าลีโอไล่กวดรถอยู่ วันรุ่งขึ้นจึงไปหาป้าที่บ้าน โดยได้ถามเรื่องค่าสินไหม ป้าก็บอกว่า 1 หมื่นที่ให้ไปก็เยอะแล้ว หลังจากฟังคำตอบภาพของหลานที่เจ็บหนักก็เด้งเข้ามาในหัว เลยคิดว่าความเจ็บปวดของหลานมีค่าแค่หมื่นเดียวเองเหรอ ตนเลยบอกว่า  1 หมื่นไม่โอเคนะ เคสอื่นเขาเรียกเป็นแสน เขาก็บอกว่า หากจะเอามากกว่านี้ก็เรียกตำรวจ

ด้าน ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต กล่าวว่า การแจ้งความไม่จำเป็นต้องมีเจ้าของสุนัขไปด้วย หากต้องมีเจ้าของสุนัขคือมีการไกล่เกลี่ยกัน ถามว่าเงิน 1 หมื่นบาทสมเหตุสมผลหรือไม่ แต่ต้องบอกว่า เรื่องนี้มี 2 ฝ่าย ต่างฝ่ายต่างมียอดของตัวเอง ซึ่งผู้ที่จะวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องนี้ก็คือศาล ต้องดูว่าในจำนวน 2 แสนที่เรียกนั้นมีอะไรบ้าง ค่ารักษาพยาบาลที่มีใบเสร็จรับรอง ศาลให้แน่นอน หรือค่ารถที่ต้องไปล้างแผล อาจจะไม่มีใบเสร็จ แต่ศาลอนุมานได้ว่า ระยะทางจากบ้านไปโรงพยาบาล ต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไร ศาลอาจจะให้เป็นส่วนที่ 2 ส่วนที่ 3 อาจจะเป็นบาดแผลที่ติดตัวกับเด็ก แล้วในส่วนที่เด็กต้องทนทุกข์ทรมาน ศาลอาจจะให้อีกก้อน ยังไม่รวมค่าขาดประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเด็กยังไม่มี แต่พ่อแม่อาจจะมี ที่ต้องขาดงาน 

คุณหมวย กล่าวว่า ค่ารักษาลูก ได้ใช้สิทธิ 30 บาทแต่เราได้ขอใบเสร็จทุกอย่างมาด้วย และในวันที่ 6 มิถุนายน ได้ไปโรงพัก ขอแจ้งความอีกครั้ง แต่ตำรวจบอกให้เรากลับบ้านก่อนแล้วโทรเรียกสายตรวจให้เข้าไปช่วยเจรจา หากเจรจาเป็นผลก็จบตรงนั้น แต่เมื่อสายตรวจมาปรากฏว่าการเจรจาไม่เป็นผลจึงไปที่โรงพัก ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ในส่วนของบันทึกประจำวันที่มีคำว่า ฝ่ายเราเรียกเงินสองแสน มาจากที่อีกฝ่ายบอกว่าเราดูละครเยอะ พี่ชายเลยพูดไปว่าเอาสองแสน ซึ่งตำรวจนัดไปคุยอีกครั้งวันพรุ่งนี้ (10 มิถุนายน)  

...

สำหรับอาการของลูกตอนนี้ ถ้าบอกว่าหายดี ก็อาจจะหายดี แต่แผลเป็นของลูก สภาพจิตใจของลูก ตนเป็นแม่ที่เข้าใจลูกเพราะแม่ก็มีแผลเป็นและโดนบูลลี่หนักมาก่อน เป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด ไม่อยากให้ลูกโดนแบบตน จึงขอให้อีกฝ่ายดูแลลูกเราจนกว่าแผลเป็นทั้งหมดที่เกิดจากสุนัขของเขาหายไปทั้งหมด ยืนยันว่า เรื่องเงินสองแสนเป็นเรื่องอารมณ์ที่เกิดขึ้นบนโรงพัก ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ซึ่งเรารออีกฝ่ายมาไกล่เกลี่ยตลอด เงินอาจจะไม่ถึงแสนก็ได้ แต่เขากลับหลบหน้าเลย ตนจึงตกลงกับพี่ชายว่า ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

เปิดแนวทางกฎหมาย ปมเด็ก 5 ขวบโดนหมากัดหูขาด คู่กรณีเยียวยาแค่ 1 หมื่น

อย่างไรก็ตาม ทนายเจมส์ กว่าวว่า คดีลักษณะนี้จบไม่ได้ เป็นคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เป็นคดียอมความไม่ได้ เมื่อมีคดีอาญาเกิดขึ้นพนักงานสอบสวนต้องดำเนินคดี ส่วนจะพิพากษาแบบไหนเป็นอีกเรื่อง โดยในกระบวนการหลังจากนี้คือ จะมีการสอบปากคำผู้เสียหาย มีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ หากฟังแล้วมีมูลก็จะออกหมายเรียกอีกฝ่ายมารับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงสอบปากคำแพทย์ด้วยว่าเป็นบาดเจ็บธรรมดา หรือสาหัส มีบาดเแผลติดตัวไหม ถ้าบาดเจ็บสาหัส จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ไม่รวมค่าเสียหาย ซึ่งในส่วนค่าเสียหาย แม้จะตกลงกันได้คดีอาญาก็ยังดำเนินต่อ

...

ตัวเลขสองแสนที่ฝ่ายผู้เสียหายชี้มา ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญาหรือทางแพ่ง จะต้องนำสืบให้ได้ว่าค่าเสียหายมีมูลฐานการคิดที่มาที่ไปมาอย่างไร จะให้แปลงเป็นเป็นตัวเลขที่แท้จริงไม่ได้เพราะในอนาคตจะรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องเสียเท่าไร จากประสบการณ์ในกรณีนี้ในทางไกล่เกลี่ยอาจจะเปิดเป็นตัวเลข เริ่มที่ 5 หมื่นบาทก่อน ถ้ามีค่าเสียหายในอนาคตก็เอาบิลมาเบิกจนกว่าจะหาย แต่ต้องมีขีดจำกัด มีเงื่อนไขบางอย่างที่เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย