เปิดปากกับภาคภูมิ ถกแนวทางคดี "น้องการ์ตูน" ผ่านไปเกือบ 10 ปี คู่กรณียังไร้เยียวยา เตรียมฟ้องล้มละลาย ลั่น กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
จากเหตุการณ์รถกระบะพุ่งเข้าชนร้านสเต๊ก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2557 ทำให้พ่อน้องการ์ตูนเสียชีวิตคาที่ เพราะวิ่งเข้าไปกอดลูกที่ยืนอยู่หน้าร้าน ส่วนตัว "น้องการ์ตูน" ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
โดยศาลสั่งตัดสินจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญาและจ่ายค่าชดเชย 6.7 ล้านบาท ถึงวันนี้แม้จะผ่านมาเกือบ 10 ปี ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาสักบาทเดียวจากคู่กรณี ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับแม่ของน้องการ์ตูน, คุณกัน จอมพลัง และ คุณอังศวีร์ อนุวัตน์รุจิกร หรือ ทนายโรส อนุกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครปฐม
คุณศรัญญา ชำนิ แม่ของน้องการ์ตูน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ พ่อกับลูกกำลังช่วยกันเก็บร้าน หลังโดนรถพุ่งชน น้องการ์ตูนบาดเจ็บสาหัสมากเฉพาะตรงศีรษะ เพราะส่วนอื่นพ่อเอาตัวบังไว้ทั้งหมด ส่วนตนเองอยู่ในครัว กำลังทำออเดอร์ให้ลูกค้าคนสุดท้าย
...
หลังเกิดเหตุ ได้ส่งตัวน้องการ์ตูนไปโรงพยาบาลแรก แต่รักษาไม่ได้ จึงส่งตัวไปโรงพยาบาลที่สอง โดยมีตายายไปเป็นเพื่อนน้องการ์ตูน ส่วนตนต้องจัดการเรื่องศพสามี ได้ไปเจอน้องการ์ตูนอีกครั้งตอนตี 4 ซึ่งน้องเสียเลือดมาก หมอบอกว่าไม่เกิน 8 โมงเช้า น้องน่าจะไปแล้ว แต่สุดท้ายตนไปคุยกับน้อง แล้วเหมือนน้องรับรู้ ฮึดสู้ ร่างกายสามารถเข้าผ่าตัดได้
แม่ของน้องการ์ตูน เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันน้องการ์ตูน อายุ 14 ปี แกนสมองถูกทำลาย ตาบอดทั้ง 2 ข้าง หูได้ยินข้างเดียว ในตอนนี้เราพยายามคุยกับน้อง แต่ไม่รู้ว่าน้องจะรับรู้ได้แค่ไหน แต่เราก็พยายามบอกว่า ตอนนี้หนูป่วยอยู่ เดี๋ยวก็หาย ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเป็นภาระเรา ส่วนโอกาสหายนั้นไม่มีอยู่แล้ว ยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่ไม่มีใครดูแลลูกได้ดีกว่าเราอยู่แล้ว
ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ได้เจอคู่กรณีในชั้นสืบสวนที่โรงพักเรื่องค่าเสียหาย ได้รับเงินสดครั้งเดียว 4 หมื่นบาท เป็นค่าเสียหายที่ร้านพัง หลังจากนั้นก็เจอคู่กรณีในชั้นศาลในกระบวนการไกล่เกลี่ย โดยคู่กรณีให้เรา 2 แสนแล้วจบ ซึ่งเราไม่รับอยู่แล้ว ส่วนค่าเสียหายอื่นๆ ไม่ได้รับเลย
หลังจากศาลมีคำพิพากษา ก็ไม่มีคำขอโทษจากคู่กรณี มีแค่คำขอโทษตอนเป็นข่าวดังครั้งเดียว เพราะผู้กำกับบอกให้เขาทำ เขาก็บอกว่า "ขอโทษค่ะ" แค่นั้น
ด้าน คุณกัน จอมพลัง กล่าวว่า ผมอยากให้คู่กรณีมาเยี่ยมน้อง คุณไม่ได้พังแค่ชีวิตคนหนึ่ง แต่พังทั้งครอบครัว น้องเขาต้องมีอนาคตที่สดใสแต่พังเลย เพราะน้องต้องใช้ชีวิตอยู่บนเตียงตลอดไป และต้องมีคนอื่นต้องดูแลน้องทั้งเช้าและกลางคืน และคู่กรณีไม่เคยมาเยียวยา ไม่เคยมาเยี่ยมน้องแม้แต่ครั้งเดียวเลย ผมเห็นน้องยิ้ม แต่ทุกคนเศร้า ต้องดูดเสมหะทางสายยาง กินข้าวผ่านทางท้อง คนทำไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ครอบครัวเขาตกอยู่ในนรกทั้งเป็น
ทั้งนี้ พบว่าในเรื่องทางคดีมี 2 ครั้ง คุณแม่ของน้องการ์ตูนได้โพสต์ไว้ คือ เรื่องของการสืบทรัพย์ ซึ่งทางผู้เสียหายต้องไปสืบทรัพย์หลังศาลพิพากษาให้คู่กรณีจ่าย 6.7 ล้านบาท หลังคู่กรณีพ้นโทษมาแล้ว แต่มีช่องโหว่ทางกฎหมาย ทำให้คู่กรณีเลี่ยงจ่ายค่าเสียหาย แม้ว่าทางครอบครัวน้องการ์ตูนจะเคยให้ทนายให้สืบทรัพย์แล้ว แต่คู่กรณีไม่มีทรัพย์ให้สืบ ทนายจึงแนะนำคุณแม่น้องการ์ตูนเก็บเงินไว้ดูแลลูกดีกว่า ขณะนั้นจึงยุติเรื่องการสืบทรัพย์ และโพสต์ล่าสุด คือ อีก 2 ปี คดีจะหมดอายุความ หลังจากศาลตัดสิน
ทนายโรส เปิดเผยว่า ถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่มาชำระเงิน ทนายจะมีหน้าที่ไปสืบทรัพย์คู่กรณี เพื่อมาบังคับคดีในระยะเวลา 10 ปี นับจากมีคำสั่งพิพากษาแล้ว กฎหมายให้ความยุติธรรม แต่คนที่ไม่มีความยุติธรรมและไม่มีจิตสำนึกคือคนที่กระทำความผิด ช่องว่างทางกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องดูว่าบรรลุนิติภาวะ ถ้าไม่มีคู่สมรสก็ต้องดูที่คู่กรณีคนเดียว
แม่น้องการ์ตูน เปิดเผยอีกว่า ค่ารักษาน้องการ์ตูน ในตอนแรกที่โดนรถชน อยู่โรงพยาบาล 6-7 เดือน ค่ารักษาประมาณ 3 ล้านกว่า หลังจากกลับมาอยู่บ้าน ก็มีเพจต่างๆ เข้ามาช่วย เราก็ดูแลลูกไป หลังจากนั้น เราโดนโรงพยาบาลแรกฟ้องมา 2 ล้านกว่า ทางโรงพยาบาลให้ผ่อนเดือนละ 8.5 หมื่นบาท แต่เราไม่มีจ่าย ซึ่งเรากับคู่กรณีเซ็นเป็นเจ้าของไข้ แต่ตามหลักความเป็นจริง เราเป็นคนมีรายได้ชัดเจน ต่างกับคู่กรณีที่ไม่มี เราจึงได้จดหมายมาที่บ้านเรา สุดท้ายเราต้องเปิดรับบริจาคข้ามคืน ได้เงินบริจาค 7 ล้านบาท จ่ายค่ารักษาพยาบาลไป 2 ล้าน เพราะโรงพยาบาลลดให้ ปัจจุบันยังต้องพาน้องการ์ตูนไปหาหมอตลอด
...
ส่วนประเด็นฟ้องล้มละลาย คุณแม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า เรื่องนี้พอทราบคร่าวๆ จากทนายว่าช่วงใกล้หมดอายุความ เราสามารถฟ้องล้มละลายได้ แต่เราก็ได้แค่นั้น หลังจากนั้นเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี คงได้ความสะใจ และตอนนี้มีทนายที่เริ่มคุยกันแล้ว ทนายบอกว่ายังมีระยะเวลาอีก 2 ปีนิดๆ ขอโอกาสไปสืบทรัพย์อีกรอบ จนเหลือเวลาอีก 2-3 เดือน ค่อยฟ้องล้มละลาย
ทั้งนี้ ทนายโรส กล่าวว่า ก่อนหมดระยะเวลาบังคับคดีใน 10 ปีนี้ ถ้าหาอะไรไม่เจอจริงๆ แนะนำว่าใกล้ๆ หมดเวลาก็ฟ้องล้มละลาย ให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ไปรวบรวมทรัพย์สินคู่กรณีมาให้เรา ถ้าเราไปสืบทรัพย์เอง บางอย่างหรือบางหน่วยงาน เช่น ธนาคาร อาจจะสืบได้ยาก แต่ถ้าเป็นการฟ้องล้มละลาย เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์จะเข้าถึงได้มากกว่า
คุณแม่น้องการ์ตูน กล่าวว่า หากถึงเวลาแล้วคู่กรณีมีแค่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ คันเดียว เราก็ต้องทำใจ จริงๆ แล้วเกิดเรื่องมาขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องชดใช้ตามที่กำหนด หากมีสำนึกนิดนึง แล้วเอาของ เช่น นม แพมเพิร์ส มาให้บ้าง มันยังทำให้เรารู้สึกว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ
...
อย่างไรก็ตาม คุณกัน จอมพลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า มีคนส่งข้อมูลของคู่กรณีมาให้ตนจำนวนมาก และย้ำว่ากฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ.