คงไม่มีใครรู้ ไม่มีใครบอกว่า...เมื่อเร็วๆนี้ประเทศไทยได้ยกระดับกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ มาใช้ “ประมวลกฎหมายยาเสพติด” มีผลยกเลิกกฎหมายเดิม มาใช้กฎหมายใหม่?

กฎหมายเดิมเน้นปริมาณของกลาง ถ้ามีจำนวนมาก ก็โทษหนัก!

แต่กฎหมายฉบับใหม่ไม่เน้นจำนวนปริมาณ แต่ให้ศาลดูพฤติการณ์ประกอบ เช่นเดิม ถ้าจำเลยมียาเสพติดพวกยาบ้า 1 พันเม็ด อัยการฟ้องตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด มาตรา 66 วรรค 3 มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เพราะมีปริมาณยาเสพติดคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วมากกว่า 20 กรัมขึ้นไป

ส่วนประมวลกฎหมายยาเสพติดจะมีมาตรา 90 และมาตรา 145 วรรค 1–3 มาแทนที่ เน้นว่า โทษจำคุกอาจน้อยลง แต่โทษปรับจะหนักมาก!

โดยเฉพาะมาตรา 145 วรรค 2 บอกว่า ถ้าทำเป็นการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน การขายแก่เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ขายในสถานศึกษา ขายในวัด หรือใช้กำลังขู่เข็ญ มีโทษจำคุกสูงถึง 20 ปี ปรับถึง 2 ล้านบาท

ส่วนวรรคสามบอกว่า ถ้าการกระทำตามมาตรา 145 วรรค 1 กับ 2 มีลักษณะเป็นหัวหน้า เป็นผู้สั่งการเครือข่ายอาชญากรรม ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและประชาชนทั่วไป

มีโทษหนักถึงประหารชีวิต!

ทีนี้เข้าเรื่อง ปัญหามีว่า ถ้านายเขียวมียาบ้าจำนวนไม่มากไม่น้อย ไม่อยากออกมาซื้อบ่อยๆ กลัวโดนจับ แต่บังเอิญถูกจับจริงๆ ค้นในตัวเจอยาบ้าเป็นเหตุซึ่งหน้าดำเนินคดีทันที

ถ้าจะเอาปริมาณของกลางเข้าว่า ถือว่ามียาบ้าเยอะจะกลายเป็นผู้จำหน่าย นายเขียวผิดตามมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.ยาเสพติดโทษถึงประหาร!

แต่ตามกฎหมายใหม่ นายเขียวมีไว้เพื่อครอบครอง ไม่ได้ขายยาบ้าให้เด็ก ไม่ได้ประพฤติตัวเป็นเครือข่ายอาชญากรรม ความผิดของนายเขียว (เสพเอง) ไม่ถึงขั้นเอาไปประหารชีวิตแล้วครับ.

...

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

สหบาท