ผบ.ตร.โชว์ผลงานสอบสวนกลางจับยกทีมแก๊งทุจริตสอบนายสิบตำรวจสายอำนวยการ 17 คน จาก 18 หมายจับ ส่วนอีก 1 รายที่ยังหลบหนีเป็นอดีตสีกากียศนายดาบ แฉเคยถูกจับร่วมโกงสอบนายสิบตำรวจเมื่อปี 55 พ้นโทษแล้วยังมาร่วมก่อเหตุอีก ส่วน 2 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 2 พรรคดังที่ถูกรวบยันเป็นไปตามหลักฐาน ลั่นไม่มีกลั่นแกล้ง พร้อมสั่งให้ภาค 9 โอนคดีทุจริตสอบมาให้กองปราบฯทำต่อ เชื่อมีส่วนเชื่อมโยงกับแก๊งโกงที่ถูกจับกุมครั้งนี้
ผบ.ตร.แถลงจับกุมแก๊งทุจริตสอบนายสิบตำรวจ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 29 มี.ค.ที่กองบังคับ การปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา รอง ผบช.ศ. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงศ์ ผกก.2 บก.ป. ร่วมแถลงจับกุมขบวนการทุจริตสอบแข่งขันบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ผู้ต้องหา 17 ราย ทั้งหมดถูกจับตามหมายจับศาลอาญา ความผิดฐาน “เป็นอั้งยี่ และร่วมกันเอาไปเสียทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ส่วนกลุ่มผู้ต้องหามีนายดาชัย เอกปฐพี อายุ 52 ปี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จ.ลำปาง และนายอดิศักดิ์ สมบัติคำ หรือจ่าตา อายุ 49 ปี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.มหาสารคาม รวมอยู่ด้วย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.แถลงว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.65 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อนุ มัติและมอบหมายให้กองบัญชาการศึกษา (บช.ศ.) จัดสอบแข่งขันบุคคลภายนอก ผู้มีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน (กลุ่มงานอำนวยการและสนับสนุน) 725 อัตรา กำหนดสอบข้อเขียน วันที่ 27 พ.ย.65 ใช้วิธีสอบข้อเขียน มีข้อสอบ 4 ชุด เป็นข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก 150 ข้อ 150 คะแนน
...
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า หลังสอบเสร็จสิ้น พบข่าวทุจริตมีการเผยแพร่โพยเฉลยคำตอบผ่านทางไลน์และเฟซบุ๊ก ได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้สอบผ่านข้อเขียน 1,160 คน มีกระดาษคำตอบที่น่าสงสัย 141 คน ที่ไม่มีร่องรอยขีดเขียนหรือทดเลขในกระดาษข้อสอบ แต่มีร่องรอยฝนกระดาษคำตอบแบบลอกโพย พบว่าเป็นโพยเฉลยจริง กระทั่งมีผู้ยอมรับว่าทุจริตการสอบพร้อมขอสละสิทธิ์ 163 คน ส่วนใหญ่ให้การว่ามีกลุ่มบุคคลติดต่อเสนอขายโพยเฉลยข้อสอบ มีทั้งโพยเฉลยแบบตัวเลข และโพยเฉลยแบบให้จำข้อความคำตอบสั้นๆ ผู้เข้าสอบได้โอนเงินค่าซื้อโพยให้ผู้ติดต่อขายนายหน้าเป็นทอดๆรายละ 2-6 แสนบาท ต่อมา พล.ต.ต.ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ รอง ผบช.ศ. ประธานอนุกรรมการสอบข้อเขียน พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รอง ผบก.อก.ภ.6 เข้าแจ้งความที่กองปรามปราม
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นสอบสวนพบกลุ่มขบวนการทุจริตเสนอขายโพยข้อสอบ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีกลุ่มนายหน้าติดต่อขายโพยข้อสอบ, กลุ่มผู้ทำหน้าที่เฉลยข้อสอบ, กลุ่มที่นำข้อสอบไปมอบให้ทีมเฉลย ทั้งนี้ผู้ซื้อยืนยันว่า เริ่มรับโพยมาตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.65 ช่วงดังกล่าว ปัญหาข้อสอบถูกจัดพิมพ์ที่โรงพิมพ์เสร็จเรียบร้อยรอส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์สอบมารับเพื่อนำไปใช้ในการสอบวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา 18 ราย ก่อนตามจับกุมใน 9 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, มหาสารคาม, กาฬสินธุ์, ศรีสะเกษ, พะเยา, ลำปาง, ประจวบคีรีขันธ์, พัทลุง และนราธิวาส จับกุมได้ 17 ราย อีก 1 รายเป็น ด.ต.อยู่ระหว่างหลบหนี สั่งให้เร่งจับกุม รวมทั้งเร่งสอบสวนขยายผลไปยังหัวหน้าขบวนการต่อไป ส่วนกรณีที่มีผู้ต้องหาเป็นผู้จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะดำเนินการไปตามหลักฐาน นอกจากทุจริตการสอบตำรวจ ยังพบด้วยว่ากลุ่มผู้ต้องหายังเกี่ยวข้องกับการสอบเข้ารับราชการหน่วยอื่นด้วย นอกจากนี้ยังให้ บช.ภ.9 โอนคดีทุจริตสอบเข้าตำรวจ เมื่อ มี.ค.65 มาให้กองปราบปรามทำต่อ เพราะคาดว่าน่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ครั้งนี้
ด้าน พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีมาตรการการสอบเข้มงวดมากขึ้น จะให้ บชก.สนับสนุนใกล้ชิด ลดจำนวนสนามสอบลงให้ง่ายต่อการควบคุม เพิ่มความเข้มงวดการรั่วไหลของข้อสอบ ทั้งพิมพ์และการจัดส่งไปยังสนามสอบ ส่วนกรณีผู้ที่สละสิทธิ์เพราะเกี่ยวข้องกับทุจริตจะถูกขึ้นบัญชีไม่ให้เข้าสมัครสอบรับราชการตำรวจได้อีก รวมทั้งจะส่งประวัติไปยังหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการสอบอีกด้วย
สำหรับผู้ต้องหารายสุดท้ายที่ยังหลบหนีอยู่คือ อดีต ด.ต.วชิรานุสรณ์ พงษ์พันธ์ อายุ 57 ปี ผบ.หมู่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ประวัติเคยถูกจับกุมเรื่องทุจริตการสอบแข่งขันบุคคลภายนอกเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นราชการตำรวจชั้นประทวน ยศสิบตำรวจตรี ประจำปี 2555 ที่สนามสอบ จ.นครสวรรค์ หลังพ้นโทษแล้วยังมาร่วมก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง