วันที่ 25 มี.ค. ชวนคนไทยร่วม ปิดไฟ 1 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 20.30 - 21.30 น. เพื่อลดโลกร้อน 60+ EARTH HOUR 2023


Earth Hour เป็นโครงการร่วมมือระดับนานาชาติ รณรงค์ให้ปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาตระหนักถึงปัญหา "ภาวะโลกร้อน" มากขึ้น ซึ่งหลังจากการปิดไฟเป็นเวลา 60 นาที จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง เท่ากับลดจำนวนรถยนต์ในถนนไปถึง 48,000 คัน หรือช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงได้ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการกระตุ้นสร้างจิตสำนึกของผู้คนในสังคมให้หันมาใส่ใจการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม

ทางด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญต่อปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก จึงได้รณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนและทุกภาคส่วน เห็นความสำคัญและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง

โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ดำเนินการคือ กิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน โดยร่วมกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wild Fund for Nature) หรือ WWF ประเทศไทย และภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน รณรงค์ในกิจกรรมดังกล่าว ด้วยการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชนลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกับเมืองต่างๆ กว่า 7,000 เมือง 190 ประเทศทั่วโลก ระหว่างเวลา 20.30 - 21.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนมีนาคมของทุกปีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551

ขณะที่ผลจากการจัดกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour)" ในปี 2565 ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 78 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการปัญหาโลกร้อนได้ 20 ตัน และคิดเป็นมูลค่า 176,172 บาท และจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2551-2565 สามารถลดกระแสไฟฟ้าได้ 22,476 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการปัญหาโลกร้อนได้ 12,255 ตัน คิดเป็นมูลค่า 81 ล้านบาท

...

สำหรับปี 2566 WWF กำหนดให้การจัดกิจกรรมปิดไฟฯ ตรงกับวันเสาร์ที่ 25 มี.ค. โดยในปีนี้กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ERI) องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และภาคีเครือข่าย ภายใต้การดำเนินงานโครงการพลังงานสะอาดเข้าถึงได้และมั่นคง สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Clean, Affordable, and Secure Energy for Southeast Asia: CASE) จัดงาน "Energy เอเนอจิ้น : จินตนาการเพื่อพลังงานที่เป็นมิตรต่อชีวิตและโลก"

ทางด้าน การไฟฟ้านครหลวง MEA ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยเชิญชวนทุกท่านเป็นหนึ่งพลังลดโลกร้อน 60+ EARTH HOUR 2023 ด้วยการปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง พร้อมกันทั่วโลก เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า ถอดปลั๊ก ปิดไฟ ปิดแอร์ ปิดพัดลม และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน พร้อมกันในเวลา 20.30 – 21.30 น.

ขณะที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ก็ได้ร่วมจัดกิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน" (60+ Earth Hour 2023) ในวันที่ 25 มี.ค. ด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นกิจกรรมที่สร้างแรงกระตุ้นและการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน โดย PEA ปิดไฟที่ไม่จำเป็นในพื้นที่ PEA สำนักงานใหญ่ สำนักงานการไฟฟ้าทั่วประเทศ

ทั้งนี้ จะต้องไม่กระทบต่อความปลอดภัยและระบบรักษาความปลอดภัย ที่ผ่านมา PEA ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวตั้งแต่ปี 2559-2565 สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 25,592.06 กิโลวัตต์ คิดเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดได้ 101,965.50 บาท และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 14.879 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า.