จากกรณีข่าว “ท่อวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137” ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และตรวจพบภายหลัง อาจจะถูกหลอมไปแล้วที่โรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปราจีนบุรีนั้น

...

วิธีแรก คือ ฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม-137 อาจจะฟุ้งมาเกาะตามเสื้อผ้าหรือผิวหนัง โดยฝุ่นซีเซียม 137 นี้ สามารถแผ่รังสีที่ผิวหนังเราได้ หากเป็นเช่นนั้น ถอดเสื้อผ้า ชำระล้างร่างกายทันทีด้วยน้ำเปล่า เราก็สามารถกำจัดฝุ่นหรือผงวัสดุกัมมันตรังสีออกจากร่างกายเราได้
วิธีที่สอง คือ การที่เราสูดดมเอาฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม-137 เข้าไปในร่างกาย หรือกินอาหารที่ปนเปื้อนสารซีเซียม-137 หรือที่มาเกาะบริเวณใกล้จมูกหรือปากเรา แล้วมีการเผลอเข้าสู่ร่างกายเรา ก็จะมีการผ่านเข้าไปยังระบบทางเดินอาหาร หรือ ทางเดินหายใจ แต่ด้วยสารซีเซียม-137 นี้มีคุณสมบัติคล้ายกับโพแทสเซียม แม้ว่าจะกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ แต่ก็ถูกขับถ่ายออกมาจากร่างกายได้ค่อนข้างเร็วตามกลไกเดียวกันกับโพแทสเซียม
หากมีการสะสมจะมีการสะสมตัวอยู่ที่เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ แต่ก็จะสะสมอยู่ไม่นาน ประมาณ 10% สามารถกำจัดออกเร็ว โดยจะมีค่าครึ่งชีวิตทางชีวภาพเพียง 2 วัน และส่วนที่เหลือจะถูกกำจัดออกด้วยค่าครึ่งชีวิตทางชีวภาพราว 110 วัน ซึ่งหมายความว่าซีเซียมที่ได้รับจะอยู่ในร่างกายไม่กี่เดือนเท่านั้น และการกำจัดจะเกิดขึ้นเร็วกว่าด้วยในเด็ก
แม้ฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม-137 ที่ผ่านการหลอมแล้วจะยังแผ่รังสีอยู่ แต่หากมีการจัดการที่ถูกวิธี ก็จะช่วยลดความเป็นไปได้ที่จะส่งผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อคนทั่วไปได้ เนื่องจากซีเซียม-137 ที่ผ่านการหล่อหลอม ทำให้ความรุนแรงในการปล่อยรังสีต่อพื้นที่ลดน้อยลงไปมาก ต้องสัมผัสเป็นเวลานานจึง จะส่งผลต่อร่างกาย ส่วนฝุ่นปนเปื้อนซีเซียม-137 ค่อนข้างเป็นสารที่มีน้ำหนักทำให้ไม่สามารถกระจายไปตามลมได้ไกลมากนัก ประกอบกับปริมาณที่ไม่มากเพราะส่วนใหญ่ยังอยู่ที่โรงหลอม การควบคุมพื้นที่ของการปนเปื้อนจึงดำเนินการได้ไม่ยากนัก

...
อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่อยู่ในพื้นที่ มีความกังวลหรือคาดว่ามีโอกาสประสบกับการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 สามารถติดต่อภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อช่วยในการตรวจวัดปริมาณรังสีโดยรอบได้ โทร. 0-2218-6781.
เรียบเรียง : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟิก : Sathit Chuephanngam