เปิดปากกับภาคภูมิ คุยกับ "เมียเก่าไรเดอร์" ในคลิปไวรัลแต่งงาน เปลี่ยนใจเรียกค่าเลี้ยงดูลูกที่ผ่านมารวดเดียว ด้านผัวเก่า เผย มีมากส่งมาก มีน้อยส่งน้อย

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 ก.พ. 66 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกรณีดราม่าคลิปไวรัล ไรเดอร์ขอแฟนแต่งงาน แต่ต่อมามีภรรยาเก่าออกมาแฉว่า ไม่ส่งเสียลูก ทั้งที่ทำสัญญาไว้ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น (ไรเดอร์-แฟนใหม่ เปิดใจ สาวแฉมีลูกกับฝ่ายชาย อายุ 12 ทวงสัญญาค่าเลี้ยงดูบุตร)

จากการสอบถาม คุณจอย ซึ่งเป็นภรรยาเก่าไรเดอร์ อายุ 40 ปี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ออกมาเพราะเห็นว่า เบิร์ด ซึ่งเป็นสามีเก่า ในเมื่อชีวิตเขามีความสุขดี ชีวิตดีขึ้นแล้วก็ควรหันมากลับมาส่งเสียดูแลลูกบ้าง

ย้อนกลับไปตอนที่เจอกัน ตอนนั้นตนอายุ 27 ปี ได้คบและมีลูกด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันลูกอายุ 12 ปี ก่อนที่จะเลิกกันตนกับอดีตสามีมีปากเสียงกัน เขาก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไป แต่ไม่รู้ว่าไปไหน ซึ่งปกติแล้วตนจะออกไปตามหาเขา แต่ครั้งนี้ไม่ได้ตามเพราะคิดว่าเขาต้องกลับมา และที่เขาบอกว่า เขาเอาเสื้อผ้าติดตัวไปชุดเดียวก็เป็นเรื่องจริงเพราะเขาหนีไป

จนผ่านไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ มีคนส่งรูปมาให้ดู เป็นรูปเขากับภรรยาปัจจุบัน ตนดูแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ จึงพยายามติดต่อไปง้อ ขอให้เขากลับมาเป็นครอบครัว พร้อมทั้งเสนอว่าถ้าเขากลับมา ไม่ต้องทำงานก็ได้ จะให้เขาวันละ 100 บาท แล้วตนจะเลี้ยงลูกเอง ซึ่งก็สำเร็จ ตนได้ไปรับเขาที่ชะอำ และทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ให้เขาอยู่บ้านได้ประมาณ 2 สัปดาห์ จนผ่านไประยะหนึ่ง ตนก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้วที่เราต้องมาเลี้ยงลูก เลี้ยงสามี จึงให้เขากลับมาทำงาน

...

คุณจอย เล่าต่อมา ในช่วงที่เขาต้องไปทำงานต่างจังหวัดได้วิดีโอคอลคุยกันปกติได้ 2 วัน ตอนนั้นลูกไม่สบายด้วย แต่ก็ติดต่อเขาไม่ได้ ก็รู้แล้วว่า เขาหนีไปอีกแล้ว ตนก็ไปตามหาเขาที่ชะอำแต่ก็ไม่เจอ จึงกลับบ้านและตัดใจไม่ตามหาอีก ช่วงเวลาที่อยู่กัน 6-7 ปี ตนเป็นคนตามตลอด รู้สึกเหนื่อยแล้ว ยอมเจ็บแล้วจบ และไปทำงานที่มาเลเซียประมาณ 1 ปี ระหว่างนั้นเขาก็โทรมา และส่งข้อความมาขอโทษ

หลังจากที่ตนกลับมาไทย ทราบว่า อดีตสามีกลับมารับงานที่เคยทำกับพี่ชาย ตนจึงโทรไปหาเขา ถามเขาว่าทำไมไม่ส่งเสียลูกเลย และจะไปหาเขาที่ไซต์งาน คิดว่าอดีตสามีกลัวเลยไปหาพี่ชายของตน ทำให้มีข้อตกลงผ่านพี่ชายว่า เขาจะส่งเสียลูกเดือนละ 3,000 บาท เป็นการทำสัญญาโดยที่ตนกับอดีตสามีไม่เจอหน้ากัน ซึ่งเขาก็ให้เงินตามที่สัญญาแค่ 2 เดือน

เรื่องที่เขาบอกว่า ตนไม่ให้เจอลูกเพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำสัญญากัน แต่หลังจากทำสัญญาส่งเสียแล้ว ตนก็ให้เจอลูก ให้ลูกไปหาเขาด้วย แต่เขาก็ให้เงินแค่ 2 เดือนก็หายไปเลย

ด้านทนายรณรงค์ แก้วเพชร กล่าวว่า หลังจากดูหนังสือสัญญา เป็นเอกสารที่มีการตกลง สามารถฟ้องร้องตามกฎหมายได้เลย เพราะมีการลงนามแล้ว ทั้งค่าคลอดบุตร ค่าเลี้ยงดูบุตร ไม่เกี่ยวกับการจดทะเบียนสมรส หรือไม่จดทะเบียนสมรส เพราะพ่อก็ยอมรับว่าเป็นลูกแท้ๆ อยู่แล้ว

ด้านนายกฤษณะ เพชรมั่น หรือ เบิร์ด อดีตสามี อายุ 33 ปี เปิดเผยว่า ตอนที่ตนออกจากเขา ไม่มีเงินเลย เพิ่งจะมาทำงานที่ชะอำได้เงินวันละ 200 บาท สาเหตุที่ออกมาเพราะเราทะเลาะกันหลายรอบ หลังจากออกมาแล้ว ก็มาทำงานที่ชะอำและมีงานของพี่ชายเขาจึงไปทำ ตอนที่ทำหนังสือสัญญาเรื่องการส่งเสียลูกนั้น ตนไม่มีเงินแต่ที่ทำสัญญาเพราะจะได้ทำให้มันจบเรื่องไปก่อน ไม่อยากยุ่งกับเขา แต่ก็ส่งได้ 2 เดือน เพราะต้องเช่าห้องอยู่ ไม่ใช่ว่าตนไม่อยากรับผิดชอบ แต่เงินไม่พอจริงๆ

นายกฤษณะ กล่าวต่อว่า เขาคิดว่าตนมีเงินเยอะแล้วไปขอผู้หญิงแต่งงาน ทั้งที่งานดังกล่าวเป็นแคมเปญของบริษัทที่จัดให้ โดยที่เราไม่ต้องออกเงินสักบาท เป็นเหมือนการถ่ายพรีเวดดิ้งในรูปแบบของงานแต่ง แต่ยังไม่ใช่การแต่งงาน ถามว่าตนจะแต่งงานไหม ตอนนี้ก็ยังไม่มีเงินจัดงานแต่งงาน ยืนยันว่าไม่ได้คบซ้อน ตนคบกับแฟนสาวคนปัจจุบันมาตั้งแต่ ม.1 ระหว่างนั้นก็เลิกกัน และไปคบกับจอยจนมีลูกด้วยกัน และเลิกรากัน และกลับมาคบกับแฟนคนนี้อีกครั้ง ส่วนเรื่องที่มีคนส่งภาพของตนกับแฟนเก่าให้จอยดู ตอนนั้นยังไม่ได้กลับไปคบ เป็นการไปเจอกันเฉยๆ มีเพื่อนอีกหลายคน

ในส่วนของการส่งเสียลูก ถ้ามีกำลังมากจะส่งให้มาก ถ้ามีน้อยก็ส่งให้น้อย ถ้าไม่มีก็จะหา ตนเพิ่งมีรายได้ช่วง 2-3 ปีนี้เอง ส่วนภาพที่มีการขี่รถบิ๊กไบค์ คันนั้นเป็นของแฟนคนปัจจุบัน ส่วนที่บอกว่าถ้าอดีตภรรยาดูแลลูกไม่ไหว ก็จะเอาขอเอาลูกมาเลี้ยงเอง เพราะทางนี้ก็มีพ่อแม่ ญาติของตนอยู่เยอะ

...

ด้านคุณจอย เปิดเผยอีกว่า ทุกวันนี้ตนดูแลลูกทั้งหมด เจตนาตอนแรกคืออยากให้เขาเลี้ยงดูลูก แต่ตอนนี้ไม่ต้องการตรงนี้แล้ว แต่ต้องการเรียกร้องตั้งแต่ที่เขาไม่ส่ง เพราะไม่พอใจแฟนคนปัจจุบันเขาที่บอกว่าตนไปรังควานเขา ตนไม่ได้ไปรังควาน แต่โทรไปขอความเห็นใจจากพ่อเขา

อย่างไรก็ตาม ทนายรณรงค์ ได้ให้ความรู้ในกรณีพ่อกับแม่เลิกกัน แล้วมีลูกเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีการจดทะเบียนสมรสหรือไม่ก็ตาม เป็นภาระที่พ่อแม่ต้องอุปการะลูกทั้งนั้น คืออุปการะตามฐานานุรูปของตัวเอง ถ้ามี 200 ก็แบ่งมาวันละ 20 บาทได้ไหม เพราะเด็กต้องซื้อขนม ต้องใช้จ่ายสิ่งอยากได้ เพราะเขามีพ่อมีแม่ ถ้าพ่อจะติดต่อจะกีดกันไม่ได้

ส่วนการเรียกร้องค่าส่งเสียย้อนหลังนั้น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมีสิทธิ์เรียกจากฝ่ายพ่อได้ แต่ต้องไม่เกิน 5 ปี การเรียกที่ว่าคือ อะไรก็ตามที่จ่ายให้ลูกไป ครึ่งหนึ่งอีกฝ่ายต้องจ่ายด้วย ไม่ใช่แค่ 3,000 บาท แต่เป็นทุกอย่าง ส่วนจะมีหรือไม่มีนั้นเป็นกระบวนการที่พ่อแม่ต้องรับผิดชอบ.