ผู้ใหญ่ของผมคนหนึ่ง...ไม่เชื่อว่าผีมีจริง แต่ชอบเล่าเรื่องผี ชอบหลอกเด็กๆให้กลัวผี แล้วก็ชวนเด็กๆไปกราบไปไหว้ผี

วันที่ไปถึงสุสานฟาโรห์ตุตันคามุน ที่อียิปต์ หยิบก้อนหินมาก้อนหนึ่งแล้วท้า ถ้าเจ้าของอยากได้คืน ก็ให้ตามมา...จนบัดนี้ก็ไม่เห็นวี่แวว จะมีใครตามมา

เรื่องเล่าเรื่องผี ผมเคยฟังมานับเรื่องไม่ถ้วน แต่ไม่สนุกเร้าใจ เท่าเรื่องที่ “พลูหลวง” เล่าไว้ในหนังสือรหัสวิทยาและพลังเร้นลับ (สำนักพิมพ์ข้าวฟ่างพิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2543)

นานมาแล้ว มีบ้านทรงไทยเก่าหลังหนึ่ง ปลูกอยู่ในพื้นที่ใกล้เสาชิงช้า ร่ำลือกันว่าผีดุ...ราวๆสองยาม มักมีสาวสวยเรียกสามล้อให้มาส่งที่ปากตรอกทางเข้าบ้าน (บริเวณหน้าร้านศรแดงปัจจุบัน) บอกให้คนขี่สามล้อรอเอาค่ารถ

คนขับสามล้อหลายคนรอแล้วรอเล่า คนโดยสารก็ไม่ออกมาจ่ายค่ารถสักที

ข่าวลือแพร่หลาย ชาวบ้านต้องการพิสูจน์ ก่อนสองยามก็มาชุมนุมรอดู บางคนยึดบันไดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย...หนังสือลงข่าว คนมารอพิสูจน์ผีจึงมีเป็นร้อยคน

แต่ดูเหมือนผีจะกลัวคน จึงไม่ปรากฏ คณะไทยมุงรอดูผีจึงเลิกราไป

จนเมื่อทางการ ต้องการที่ดินบริเวณนั้นสร้างศาลาว่าการเทศบาลกรุงเทพฯ บ้านเก่าหลังนั้นก็ถูกเวนคืน เจ้าของบ้านรื้อแล้วก็เอามากองทิ้งไว้

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซื้อไม้เก่าบ้านหลังนั้นเอาไปประกอบเป็นเรือนไทยหลังใหม่อยู่ที่บ้านในซอยสวนพลู

จะโดยรู้หรือไม่รู้ ประตูห้องพระที่เก็บพระพุทธรูปเก่าและของเก่าบ้านอาจารย์หม่อม เป็นประตูตกน้ำมัน ความเฮี้ยนของประตูบานนั้น วันร้ายคืนร้ายน้ำมันซึ่งไม่เห็นว่ามีแหล่งที่มาจากไหนก็ให้มันไหลเยิ้มออกมา

ท่านเจ้าบ้านไม่ใช่คนกลัวผี แต่ก็ตอบสนองด้วยไมตรี หาธูปเทียนดอกไม้ และเครื่องหอมไปบูชา

...

จนถึงวันนั้น วันหนึ่งกลางปี พ.ศ.2518 อาจารย์หม่อมเป็นนายกรัฐมนตรี เกิดมีกรณีการเมือง ม็อบที่ชุมนุมโจมตีอยู่หลายวัน ก็เคลื่อนขบวนมาบุกพังบ้าน ทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ กระจก นกในกรงก็ถูกฆ่า ฯลฯ

เรื่องประหลาด บ้านโบราณ โดยเฉพาะห้องพระของอาจารย์หม่อมไม่ถูกแตะต้อง

เมื่อบรรดาแขกไม่รับเชิญกลับไปแล้ว ท่านเจ้าบ้านก็สำรวจข้าวของ มีคนรักนับถือกันก็มาแสดงความเสียใจ คุณประโพธ เปาโรหิตย์ เป็นคนหนึ่งที่มา บอกว่าได้ยินแต่ข่าวเรือนโบราณ ยังไม่เคยดูสักที

ท่านเจ้าของบ้านเมตตาพาไปถึงหน้าห้องพระ ก็เห็นบานประตูมีน้ำมันไหลโชก ทองเปลวที่แปะบูชาไว้นานนับปีละลายออกมากับน้ำมันที่ไหลจั๊กๆไม่หยุด เอามือลูบน้ำมันก็ติดมือ

“พอมีเรื่องเดือดร้อนอะไร ก็ตก (น้ำมัน) บอกให้รู้” ท่านเจ้าของบ้านเล่า สุ้มเสียงไม่เป็นเรื่องแปลก

ตกเย็นอาจารย์หม่อมก็เอาดอกไม้ธูปเทียนไปจุดบอก...“ไม่มีอะไรอีกแล้ว หายโกรธกันเสียที” แล้วก็เอาน้ำอบไทยพรม ประแป้ง ผูกผ้าสีชมพู แขวนพวงมาลัย รุ่งขึ้นน้ำมันก็แห้งหายไปหมด

เรื่องเล่าที่ท่านนายกฯเจ้าบ้าน เล่าบ่อยๆ ท่านเรียกนางไม้ที่สิงอยู่ที่บานประตูว่า “คุณย่า” นับถือกันคุ้นเคยรักใคร่กันมานาน จนรู้ดีว่า คุณย่าไม่ชอบหมา

กลางดึกหมาไปนั่งหน้าประตู คุณย่าตีผางเข้ากลางหลัง หมาร้องเอ๋งๆๆ อาจารย์หม่อมตื่นขึ้นมาเอ็ดตะโร “นี่ก็ไม่รู้อะไร ลุกขึ้นตีหมูตีหมากลางดึก หนวกหูผู้คนเขาจะหลับจะนอน” ดุทั้งผีทั้งหมา แล้วท่านเจ้าบ้านก็กลับเข้านอน

เรื่องเล่าเรื่องนี้ ผีไม่แค่มีจริง ผียังเฮี้ยนจริง แต่คนเฮี้ยนกว่า คนเฮี้ยนแค่ไหน ขนาดบ้านนายกฯก็ยังบุกพังได้

นายกฯคึกฤทธิ์เป็นนายกฯปีเดียวครับ ผมล่ะเสียวแทนนายกฯแปดปีเสียนี่กระไร.

กิเลน ประลองเชิง