"น้องเฟิร์ส" ดาว TikTok ถูกทนายเก๊หลอก โอนไว 1.6 ล้าน เปิดใจทำไมเชื่อคนง่าย ทนายจริง เผยโอกาสได้เงินคืน
วันที่ 25 ต.ค. 65 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” โดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ วันนี้พูดคุยกับ น.ส.วนัชพร คำเจริญ หรือ “เฟิร์ส สครับบลู” ดาว TikTok อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นแม่ค้าออนไลน์ด้วย หลังจากเจ้าตัวเข้าร้องกองปราบฯ ถูกทนายเก๊หลอกซ้ำซ้อนถึง 2 ราย สูญเงิน 1.6 ล้าน ซึ่งพบว่ามิจฉาชีพคนหนึ่งอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
โดย น้องเฟิร์ส เปิดเผยว่า หลังจากที่ตัวเองประกาศหาบ้านเช่าที่ จ.ภูเก็ต ผ่านทางไอจีส่วน ก็มีเด็กอายุ 16 ปี ซึ่งตอนนั้นอ้างว่าอายุ 24 ปี และนำรูปคนอื่นมาเป็นโปรไฟล์ อ้างเป็นนายหน้าติดต่อมา พร้อมส่งภาพบ้านมาให้ดู บอกเป็นของพ่อตัวเอง ก่อนที่จะโอนค่าจองบ้านครั้งแรกไปให้ 10,000 บาท ซึ่งเด็กคนนี้สร้างตัวละครทิพย์มาหลายคน จากนั้นก็มีเกรียนคีย์บอร์ดที่เข้ามาด่าเรา เราอยากดำเนินคดี จึงได้ปรึกษาว่ามีทนายมั้ย เค้าก็แนะนำมา พร้อมกับให้เราโอนเงินให้ เราโอนไปหลายรอบ เป็นเงินประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งในจำนวนนี้รวมค่าตกแต่งบ้านเช่าที่เค้าแนะนำให้เราก่อนหน้านี้ด้วย
ส่วนทนายนั้น น้องเฟิร์ส เผยอีกว่า ต่อมาตนจองตั๋วไปภูเก็ตเพื่อไปดูบ้าน เค้าก็มาบอกเราว่า เจ้าของบ้านไม่ให้อยู่นะ เราก็งง แล้วก็ขอเงินคืนทั้งหมด รวมถึงค่าทนายด้วย เพราะเค้าอ้างว่าทนายไม่ขึ้นศาลให้แล้ว แต่เค้าก็ขอผลัดเรื่อยมาประมาณ 1 เดือน จนเรามั่นใจว่าโดนโกงแน่นอน และตั้งแต่ที่เรารู้ความจริงเมื่อ 3 เดือนก่อน เค้าก็บล็อกเราทุกช่องทาง
น้องเฟิร์ส เผยต่อว่า ส่วนเคสที่ 2 นั้น ชื่อซี เป็นเด็กอายุ 19 แต่โกหกเราว่าอายุ 26 ปี คนนี้มีตัวตนจริง เนื่องจากตนเป็นเจ้าของแบรนด์ มีความจำเป็นจะต้องหาคนทำตลาดมาร์เก็ตติ้งให้แบรนด์โตขึ้น จึงลงประกาศในไอจี จากนั้นก็มีแอ็กเคาน์นึงตอบกลับมาว่า เราขอแนะนำได้หรือไม่ พร้อมส่งไอจีของเด็ก 19 มาให้ดู เข้าไปส่องดูโปรไฟล์ก็สนใจ มีตัวตน น่าเชื่อถือ อ้างว่าเป็นบริษัทดัง จึงทักไปคุยด้วย พอคุยแล้วก็โอนมัดจำให้ 1.5 แสนบาท จากนั้นประมาณ 2 วัน เค้าก็มาหาเราที่ลพบุรี เพื่อทำสัญญาว่าจ้างอีก 2.7 แสนบาท จากนั้นก็เซ็นสัญญา
จากนั้นเขาแนะนำให้เราเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าเราเป็นเจ้าของแบรนด์ โดยนำคอร์สขอโรงเรียนหนึ่งมาเสนอเรา ค่าเรียน 12,900 บาท ซึ่งเราก็เจอเค้าตลอด คุยกันทุกวัน จนเริ่มสนิท เราก็ถามเค้าว่า มีทนายแนะนำไหม เพราะเราถูกเด็ก 16 โกงมา เค้าก็บอกว่ามี เป็นแฟนของเพื่อน และให้ไลน์เราไปคุยกับทนาย ซึ่งเราก็พิมพ์คุย เหมือนเค้ารู้ทุกอย่าง ต่อมาเราก็โอนเงินไปให้เค้า 1.2 แสนบาท เนื่องจากไว้ใจ เพราะเค้ามีทะเบียนราษฎร์ของเด็ก 16 มาให้เราดู เราเลยยิ่งมั่นใจ เชื่อแบบ 100% และเค้าก็ให้เราโอนเงินอีก 35,000 / 24,000 และ 20,000 บาท เป็นค่าดำเนินการ
...
เมื่อถามว่ามารู้ตัวตอนไหน เฟิร์ส บอกว่า มารู้ตอนที่เพื่อนเข้ามาทำงานด้วย มาทำบัญชี ก่อนจะขอดูว่าซีทำอะไรให้เราบ้าง ทำให้เห็นความผิดปกติ จึงทักไปที่บริษัทนั้น เค้าก็บอกว่าไม่รู้เรื่องบิล และสัญญาปลอมทั้งหมด เมื่อเรารู้แบบนี้ว่าซีโกงแล้ว จึงทักไปในไลน์ทนาย ขอดูตั๋วทนายหน่อย เขาก็ส่งมาให้ แต่ปิดเลขบางส่วน อ้างว่า จะให้ก็ต่อเมื่อมาเจอตอนขึ้นศาล เราเอะใจจึงเข้าไปหาตัวอย่างตั๋วทนายในกูเกิล และพบว่ารูปที่เอามาให้นั้นเป็นรูปที่เอามาจากกูเกิล แล้วเอามาตัดแปะส่งมาให้ตน เพราะที่อยู่เหมือนกันหมด แต่ตนก็ยังไม่โวยวาย
จากนั้นก็มีการนัดเจอ "ซี" ซึ่งเค้ายังไม่รู้ว่าเรารู้ความจริงหมดแล้ว ก่อนจะไปจบที่โรงพักเพื่อบันทึกถ้อยคำว่าเค้าโกงเรา ซึ่งเค้าก็ยอมรับทั้งเรื่องทนายและมาร์เก็ตติ้งปลอม และว่าจะโอนเงินคืนเราทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คืน รวม 2 คน ประมาณเกือบ 1.6 ล้านบาท เมื่อวานจึงเดินทางไปร้องที่ไปกองปราบ เพราะได้คุยกับ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ผ่านทางแม่สิตางค์
แม่สิตางค์ บอกว่า ตอนแรกก็ไม่เชื่อ เพราะเห็นว่าทำไมถูกหลอกซ้ำซ้อนแบบนี้ แต่พอมาเห็นเอกสารที่เค้านำมาให้ ก็เชื่อว่าน่าจะถูกหลอกจริง เพราะเด็กต่อให้เก่งอย่างไร แต่ประสบการณ์ยังมีน้อย ซึ่งทุกเคสของตนก็เลยติดต่อ ดร.เกรียงศักดิ์ ให้
นอกจากนี้ น้องเฟิร์ส ยังอ้างว่า วันที่พาซีไปแจ้งความนั้น ทางตำรวจก็ปล่อยตัวไป อ้างว่าตำรวจบอกไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า
เมื่อถามว่า ทำไมเชื่อคนง่าย เฟิร์ส บอกว่า ก็เพราะคิดว่าทุกคนเป็นเพื่อนหมด พร้อมเตือนสติคนอื่นว่า "อย่าเชื่อใจคนในโลกออนไลน์มาก เราคิดดีกับคนอื่น แต่คนอื่นไม่ได้คิดดีกับเรา" และยังหวังว่าจะได้เงินคืน กว่าจะหาได้แต่ละบาทเหนื่อยมาก ยังต้องเลี้ยงครอบครัว หนูเป็นเสาหลักครอบครัว
ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ บอกว่า ตอนแรกยอมรับว่ายังไม่ค่อยเชื่อ เพราะน้องโอนเร็วมาก จึงขอดูเอกสารทั้งหมด เมื่อดูเอกสารก็พบว่าเป็นเอกสารปลอม ทั้งหมดโดยความเชื่อถือ ความเชื่อใจ ก่อนพาไปแจ้งความที่กองปราบ เนื่องจากมีการโอนเงินไปหลายที่ ไม่อย่างนั้นจะต้องเดินทางไปแจ้งความที่โรงพักหลายพื้นที่
ล่าสุด น้องเฟิร์ส บอกว่า ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อเด็ก 16 ปี และเด็ก 19 ปีได้แล้ว เนื่องจากปิดเครื่องไป ซึ่งเคสเด็ก 19 เราได้มีโอกาสคุยกับผู้ปกครอง เค้าก็ให้ไปฟ้องศาลเลย ซึ่งสิ่งที่ตนเป็นห่วงที่สุดคือจะไม่ได้เงินคืน
ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า คดีแบบนี้ส่วนใหญ่จะได้เงินคืนหมด แต่ส่วนหนึ่งได้เป็นก้อน ที่เหลือผ่อนชำระให้ ในขั้นตอนเจรจา ซึ่งในส่วนของเราต้องการแค่ขอเงิน น้องเฟิร์ส คืนมา แต่คนพวกนี้จะปากกล้าขาสั่น พอถึงเวลาที่จะติดคุกจริงๆ ก็จะคายออกมาว่าทรัพย์สินที่โกงมาอยู่ที่ไหนบ้าง
...
ติดตาม “เปิดปากกับภาคภูมิ” ได้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.