เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคมตามเวลาบ้านเรา สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักทยอยกันเผยแพร่ข่าวว่า นาย “ดีทริช มาเตชิตซ์” ชาวออสเตรีย ผู้ได้รับฉายาว่าเจ้าพ่อ “Red Bull” เครื่องดื่มชูกำลังที่ขายดีที่สุดในโลกได้ถึงแก่กรรมแล้ว หลังจากเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ระยะหนึ่ง สิริอายุ 78 ปี

นาย ดีทริช มาเตชิตซ์ เป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 75 ของโลกด้วยการถือครองทรัพย์สินมีมูลค่าถึง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการจัดอันดับเมื่อเดือนกันยายนที่แล้วของนิตยสารฟอร์บส์

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่านายมาเตชิตส์ คือผู้ที่นำเครื่องดื่ม “กระทิงแดง” จากประเทศไทยไปจำหน่ายทั่วโลกในนามของ Red Bull ขายดิบ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำให้เขาเปลี่ยนชีวิตจาก “เซลส์แมน” ขายยาสีฟันเยอรมันยี่ห้อหนึ่งมาเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกเพียงไม่กี่ปีให้หลัง

เรื่องราวอันเป็นตำนานของเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ.1984 หรือ พ.ศ.2527 เมื่อมาเตชิตซ์ ซึ่งเป็นเซลส์แมนขายยาสีฟัน “เบลนแด๊กซ์” เดินทางมาติดต่อกับลูกค้าในประเทศไทย

เขาเห็นคนขับแท็กซี่และรถตุ๊กๆมักชอบดื่ม “กระทิงแดง”...จึงไปซื้อมาดื่มบ้าง แล้วก็พบว่าเขารู้สึกกระชุ่มกระชวย และหายจาก Jet lag (ความอ่อนเพลียจากการเดินทางโดยเครื่องบิน)

ต่อมาอีก 3 ปี เขาก็เข้าพบคุณ เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดงตัวจริงเสียงจริง เพื่อนำเครื่องดื่มแบบไทยๆยี่ห้อนี้ออกสู่ตลาดโลก โดยจะเปลี่ยนชื่อเป็น Red Bull

พร้อมกับควักทุนกันคนละ 500,000 เหรียญ ตั้งเป็นบริษัทขึ้นที่ออสเตรียเพื่อดำเนินการผลิตและจำหน่ายเป็นประเทศแรก

นายมาเตชิตซ์ขอเปลี่ยนสูตรจากกระทิงแดงเดิมโดยเติมโซดาเข้าไปให้มีรสฟู่ฟ่าและหวานน้อยลง เพื่อเอาใจฝรั่ง ซึ่งก็ได้ผลเพราะขายได้อย่างระเบิดเถิดเทิงในออสเตรีย ยุโรป และสหรัฐฯ

...

อย่างไรก็ดีในการถือหุ้นนั้นฝ่ายไทยโดยคุณ เฉลียว อยู่วิทยา ยังถือหุ้นมากกว่าคือ 51% โดยมาเตชิตซ์ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์

นายมาเตชิตซ์แกเป็นคนรักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจเมื่อเครื่องดื่ม Red Bull ขายดีมีกำไร แกก็เอาเงินมาสนับสนุนการกีฬาตั้งทีมกีฬาต่างๆขึ้นมากมาย ทั้งทีมฟุตบอลในเยอรมนี (RB ไลป์ซิก) และ เรดบูล ซัลซ์บวร์ก ในออสเตรีย รวมถึง นิวยอร์ก เรดบูล ที่นิวยอร์ก

แต่ที่โด่งดังที่สุดก็คือทีมรถแข่งสูตร 1 หรือ F1 ซึ่งประสบความสำเร็จสูงสุดคว้าตำแหน่งแชมป์ประจำปีทั้งผู้ขับขี่และทีมมาหลายครั้ง

แม้วันที่เขาเสียชีวิตทีมรถสูตร 1 Red Bull ก็กำลังลงสนามแข่งอยู่ที่ “ยูเอส กรังด์ปรีซ์” เมืองออสติน รัฐเท็กซัส และประสบชัยชนะทั้งผู้ขับขี่ที่แซงคู่ต่อสู้เข้าป้ายอย่างสุดดราม่า และส่งผลให้คะแนนรวมประเภททีมได้แชมป์ปีนี้อย่างเด็ดขาดไปด้วย

แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ผู้ควบเรดบูลเข้าเส้นชัย รู้ข่าวการเสียชีวิตของเขาก่อนลงสนามวันสุดท้าย และให้สัมภาษณ์หลังได้ชัยชนะว่าขออุทิศชัยชนะและแชมเปียนครั้งนี้ให้แก่ ดีทริช มาเตชิตซ์

ความสำเร็จของนายมาเตชิตซ์แสดงให้เห็นว่า “โอกาส” กับ “ความคิด ความฝัน” จะเป็นของคนช่างสังเกตเสมอ

เพราะเขามาเมืองไทยแล้วสังเกตว่า แท็กซี่ชอบดื่มกระทิงแดง...ทำให้แกลองดื่มบ้างจากนั้นก็จินตนาการว่าน่าจะเอาไปขายเมืองนอก

ขณะเดียวกันเมื่อเอาไปก็มิใช่เอาไปทั้งดุ้น เพราะฝรั่งจะไม่ชอบหวาน แต่ชอบซ่าจึงเอาไปผสมโซดาและทำให้หวานน้อยลง

ผมเคยเขียนถึงผู้ชายคนนี้หลายครั้งในคอลัมน์นี้เมื่อไปทั้งยุโรปและสหรัฐฯ แล้วพบว่า Red Bull นั้นดังจริงๆ

เมื่อได้ข่าวว่าเขาถึงแก่กรรมแล้ว เช่นนี้ก็ขออนุญาตนำเรื่องราวของเขามาเล่าสู่กันฟัง (อ่าน) อีกครั้งหนึ่ง

พร้อมกับฝากข้อคิดไว้ด้วยว่า ยังมีสินค้าอะไร ประเภทไหนของบ้านเราที่มีอนาคตดีๆหลงเหลืออยู่อีกไหมครับ น่าจะมีบ้างละน่า...ช่วยกันหาทางผลักดันให้กลายเป็นสินค้าระดับโลกต่อไปนะครับ

คราวนี้ทำเองเลยด้วยฝีมือคนไทยเรานี่แหละ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องแบ่งให้คนอื่นไงละ.

“ซูม”