หนุ่มฟรีแลนซ์ มาไกลจากเชียงใหม่ ขอคุยเรื่องงานข่าว เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 นี่น่าจะเป็นรูปแบบงานข่าวโลกโซเชียลของคนยุคใหม่ เขามีวิธีทำให้นักข่าวแก่ๆ ฟื้นความหลัง ออกมาได้อย่างพรั่งพรู
เช้าตรู่วันนั้น 6 ตุลาคม ระหว่างบรรยากาศ การล้อมปราบ...ชุมนุมในธรรมศาสตร์ ซึ่งเริ่มบีบคั้นเข้มข้นเมื่อราวห้า-หกทุ่ม กล้องถ่ายรูปบนไหล่ ช่วยบอกฐานะสื่อทำให้ผมได้เข้าไปภายในที่ชุมนุม
นักศึกษายังหนาแน่นกลางสนาม...น้องใหม่คนหนึ่ง แนะนำตัวเป็นลูกชาย ผู้ใหญ่สง่า นวกิจไพฑูรย์ ผู้ใหญ่บ้านตำบลทานพอ อำเภอฉวาง นครศรีธรรมราช จำผมได้ตอนผมไปทำข่าวเขาศูนย์...
ตีสองกว่าๆ เสียงปืนนัดแรกยังไม่ลั่น...ผมออกจากธรรมศาสตร์ กลางเจ้าพระยา เรือตำรวจน้ำติดไฟแดงกะพริบ วิ่งสวนกันไปมา
ที่ สน.ชนะสงคราม พล.ต.อ.ศรีสุข มหินทรเทพ อธิบดีกรมตำรวจ กำลังให้สัมภาษณ์ คุณสรรพสิริ วิรยศิริ จากทีวีช่อง 9 ผมจดประเด็นสำคัญ “นักศึกษามีความผิด ข้อหาดูหมิ่น...” แล้วก็คิด
“คนมากขนาดนั้น ตำรวจจะมีเรี่ยวแรงจับเขาได้ยังไง?” แล้วก็เวียนกลับไปเข้าธรรมศาสตร์อีก
ตีสี่...เสียงระเบิด เดาเอา เอ็ม 79 ระเบิดกลางสนามกีฬาธรรมศาสตร์ เด็กๆหนีเข้าชายคาตึก คนเจ็บถูกหามเข้าไปรักษา ผมถ่ายรูปเด็กคนหนึ่งร้องไห้เสียงดัง...(ภาพนี้ขึ้นหน้า 1 พร่า...ไม่แน่ว่ามือสั่นหรือตั้งชัตเตอร์ผิด)
การต่อสู้ ระหว่างเสียงปืนพกสั้น ประปราย สลับด้วยเสียงเอ็ม 79...ประตูท่าพระจันทร์ยังไม่ปิด ผมยังออกมานอกธรรมศาสตร์ได้ ย้อนไปด้านสนามหลวง นักข่าวช่างภาพ อยู่กันเป็นจำนวนนับร้อย
ผมโทร.เข้าโรงพิมพ์ เสนอตัวไปอยู่ด้านท่าพระจันทร์ เป็นไปตามที่คาด ท่าพระจันทร์ ช่วงเวลาหกโมงเช้า พื้นถนนทั้งสาย... ตอนที่ผมไปถึงนั้นเงียบสงัด
...
มีนักศึกษานอนราบ เรียงรายต่อตัวกันไปแน่นขนัด ตั้งแต่ท่าพระจันทร์ไปถึงท่าช้าง มีคนในเครื่องแบบถือปืนยาวเดินไปมา ท่าทางขึงขัง
อีกครู่...ก็มีนักศึกษากลุ่มใหญ่ เดาเอาว่าหนีออกมาจากธรรมศาสตร์...วิ่งกรู ชูมือ ผู้ชายคนหน้า ตะโกน “ยอมแล้วๆ” “ปัง...” เสียงปืนดังขึ้น นักศึกษาคนนั้นล้มพับลงกับพื้น...
ผมกดชัตเตอร์ไม่นับ...คนมีสีคนแรก ปราดเข้าไปลากแขนข้างหนึ่ง ถูลู่ถูกัง อีกคนเข้าไปลากอีกแขน...เอามากองไว้ หน้าแถวคนที่นอน...แต่ถึงเวลานั้น เชลยมากเกินไป มีเสียงสั่ง ให้เคลื่อนแถวออกไป เปิดพื้นที่ให้เชลยใหม่
“กูสั่งให้เลื้อย ไม่ใช่ให้คลาน”
ผมมองดูตามเสียง คนหลายคนงอเข่าถูกเหยียบหลัง ความโกรธแค้น คนละข้างความเห็นทางการเมือง ทำให้มนุษย์ด้วยกันโหดร้ายต่อกัน ย่ำยีต่อกันได้ถึงปานนั้น
ข้างจุดที่ผมยืนถ่ายรูป มีเสียงร้องครางของนักศึกษาคนที่ถูกยิง ผมตะโกนเข้าใส่หูคนถือปืน...พวกคุณปล่อยเขาไว้ยังงี้ได้ยังไง? ย้ำอยู่หลายครั้ง จนรถพยาบาลมารับตัว
ภาพคนคนนี้ ตีพิมพ์ในหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ฉบับที่ผมทำแล้วเห็นต่อในนิตยสารเฉพาะกิจบางฉบับ ได้ข่าวมาเข้าหู ฟิล์มม้วนที่ผมถ่าย มีมือดีมาฉกไปทำมาหากิน
ผมได้เห็นอีกครั้ง ในหนังสือเล่มที่น้องคนมาสัมภาษณ์เปิดให้ดูผมรำพึงพอให้ได้ยิน “ถึงวันนี้ ผมยังคิดถึงเขานะ...” วันเวลาผ่านมาเฉียดห้าสิบปี...ผมหวังว่า เราน่าจะได้ถามทุกข์สุขกันบ้าง...สักคำสองคำ
สารภาพนะครับ ภาพเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ยังฝังใจ...ไม่อยากจะคิดเลยว่า จะย้อนกลับมาอีก.
กิเลน ประลองเชิง