วันเสาร์สบายๆวันนี้คงต้องกลับไปคุยเรื่อง “โควิด–19” กันอีกแล้ว เมื่อ การระบาดระลอก 6 ในไทยแลนด์แดนกัญชาเสรีพี้กันสนุกสนาน มันกลับมาแล้ว ระลอกนี้เป็นการระบาดในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ระบาดในหมู่นักเรียนนิสิตนักศึกษา แล้วนำกลับไปแพร่เชื้อที่บ้าน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนอกกระทรวงสาธารณสุข ต่างยืนยันตรงกันว่า เป็นการระบาดระลอกที่ 6 ไม่ใช่ “โรคประจำถิ่น” อย่างที่ กระทรวงสาธารณสุข พยายามให้เป็น ที่น่าเป็นห่วงก็คือ รัฐบาลไม่บอกความจริงกับประชาชน ยกเลิกรายงานผู้ติดเชื้อรายวัน รายงานเฉพาะผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาล ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดกันทั้งประเทศ

วันนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่กลัวการเมือง อดรนทนไม่ไหวออกมาแฉกันอีกครั้ง การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 6 มีความรุนแรงกว่าตัวเลขที่แถลงหลายเท่า

นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ลงเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด–19 รอบใหม่นี้ เป็นระลอกที่ 6 เป็นการระบาดด้วย สายพันธุ์ BA.5 จะมีจุดสูงสุดช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ต่อเนื่องไปถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่นักเรียนมหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมหมด โดย สถานการณ์แพร่ระบาดจะเริ่มลดลงในช่วงที่นักเรียนสอบและปิดเทอม ดังนั้นทุกคนต้องเดินหน้าด้วยมาตรการลดการติดเชื้อ จะไม่มีการปิดเมือง ปิดประเทศ ปิดโรงเรียนแล้ว

นพ.ยง บอกว่า จำนวนผู้ป่วยถ้าคิดเป็นสัดส่วนพบว่า มีผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลประมาณ 10% หรือน้อยกว่า อัตราการเสียชีวิตจะอยู่ไม่เกิน 1% ถึงแม้จะมีผู้ป่วยหลักหมื่นหรือหลายหมื่น จะมีผู้เข้ารับการรักษาและแจ้งยอดให้กระทรวงสาธารณสุขที่ 2,000 คน และ มีการเสียชีวิต 20 คน ดังนั้น อัตราการเสียชีวิตและยอดผู้ป่วยหลายหมื่นคนจะสูงกว่าระลอกที่ 5 แน่นอน เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย

...

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบหายใจและวัณโรค คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ก็โพสต์ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รายงานเข้าระบบ OPSI ช่วง 3–9 ก.ค. เฉลี่ยวันละ 2 หมื่นคน แต่ช่วงนี้ มีการปรับระบบการรายงานทำให้ยอดรายงานลดลง จากเดิมราว 1 ใน 3 ยอดจริงน่าจะราว 3 หมื่นคน เมื่อรวมยอดผู้ตรวจแล้วไม่รายงานเข้าระบบ ผู้ป่วยติดเชื้อรายวันน่าจะแตะที่ระดับ 5 หมื่นคน ต้องวัดใจกันว่าสัปดาห์นี้จะทะยานขึ้นหรือไม่ แม้ยอดผู้ป่วยอาการรุนแรงจะยังฝ่าแนวต้านที่ 800 คนขึ้นไปไม่ได้ แต่ที่ บ้านริมน้ำ และ โรงพยาบาลใหญ่อีกหลายแห่ง คงมีผู้ป่วยโควิด-19 อาการรุนแรงถึงวิกฤติ หมุนเวียนเข้ารักษาต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว

วันนี้ ญี่ปุ่นก็กลับมาระบาดใหญ่ทั่วประเทศอีกครั้ง ใครจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ต้องระวังตัวให้ดี นายมัตสิโนะ หัวหน้าเลขาธิการ ครม.ญี่ปุ่น แถลงว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด 94,466 คนทั่วประเทศเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 2.14 เท่าจากสัปดาห์ก่อน กรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อใหม่ 16,878 ราย นิวซีแลนด์ก็กลับมาระบาดใหม่ แถมยังมี ไข้หวัดใหญ่ ระบาดควบคู่ไปด้วย รัฐบาลต้องแจกหน้ากากอนามัยและชุดตรวจโควิดให้ประชาชนฟรีเป็นการเร่งด่วน ไม่รู้เป็นไข้หวัดหรือโควิด

ผมเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาเตือนให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ความจริงนายกฯมีอำนาจสูงสุดอยู่แล้ว ทำไมไม่กล้าสั่งก็ไม่ทราบ หรือ กลัวหนูจะไม่อุ้มราชสีห์ในการลงคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีอำนาจแต่ไม่ปกป้องประชาชน ถือว่ามีความผิดฐานละเลยต่อหน้าที่ นะครับ

ในยุโรป อิตาลี ที่ผมเพิ่งไปมา แม้จะเปิดเสรีทุกอย่าง แต่รัฐบาลอิตาลียัง “บังคับใส่หน้ากากอนามัย” เมื่อ อยู่บนรถไฟ ในสนามบิน บนเครื่องบิน ในอาคาร และ ให้ใส่เป็นหน้ากาก N95 ด้วย หน้ากากอนามัยทั่วไปหรือหน้ากากผ้าใช้ไม่ได้ เป็นรัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”