1ก.ค.65 ปลดล็อกโควิด-19...ศบค.ชุดใหญ่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธาน ได้มีการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ได้เข้าร่วมประชุมด้วย
“ประยุทธ์-ชัชชาติ” ก็เลยเจอกันด้วยบรรยากาศชื่นมื่นระหว่างนายกฯใหญ่กับนายกฯเล็กหลังจากที่คลาดกันไปคลาดกันมาหลายครั้ง
มุมดราม่าก็เลยจบไปโดยปริยายไม่ต้องมาตั้งแง่จากบรรดากองเชียร์
จำได้ว่าผู้ว่าฯ กทม.บอกว่าจะเสนอเรื่องใส่แมสก์และขยายเวลาให้สถานบันเทิงเปิดบริการได้ดึกขึ้น
เพื่อสร้างบรรยากาศให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
พูดง่ายๆก็คือทำให้ทุกอย่างเป็นความปกติไม่ต้องห่วงพะวงอันจะทำให้เกิดความคึกคักให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยทั้งประเทศ
ก็ได้สมอยากเพราะ ศบค.เห็นชอบปรับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรเป็นสีเขียวทั้งหมดจากที่เคยเป็นพื้นที่เฝ้าระวัง
สามารถถอดหน้ากากได้เว้นแต่สถานที่แออัด ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละคนสามารถใช้ดุลพินิจตัดสินใจเองได้
การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์กระทำได้ตามปกติ สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิงเปิดบริการได้ถึงเวลา 24.00 น. ส่วนที่ขอให้เปิดถึง 02.00 น.นั้น ขอศึกษาข้อกฎหมายและประกาศ ที่เกี่ยวข้องก่อนแล้วจะเสนอให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง
มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 เป็นต้นไป
นอกจากนั้น ได้มีการยกเลิกไทยแลนด์พาสเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกอีกระดับหนึ่ง
เอาเป็นว่ามาตรการต่างๆ ได้รับการผ่อนปรนเกือบจะเข้าสู่ระดับปกติที่แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถควบคุมโควิด-19 ได้ทั้งระบบหลังจากที่สะบักสะบอมมาหลายปี
จะพูดว่าไทยปลอดโควิด-19 ก็พูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วก็ว่าได้
...
ในเรื่องสถานบันเทิงที่ขอเปิดถึงตี 2 นั้นคงอีกไม่นาน เพราะโดยหลักการและสภาพความเป็นจริงแล้ว
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร...คงดูในแง่ข้อกฎหมายเท่านั้น
พูดถึงเรื่องนี้แล้วอยากฝากไปถึงเจ้าของกิจการสถานบันเทิงต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเมื่อมีการผ่อนปรนให้อย่างนี้แล้วทำให้สามารถหารายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
แต่ต้องพึงสำนึกอย่างมีความรับผิดชอบด้วย
เช่นการเปิดเกินเวลา ปล่อยให้เด็กที่มีอายุตํ่ากว่ากำหนดเข้าไปใช้บริการ การจัดปาร์ตี้ยาเสพติดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
เหล่านี้คือการทำลายอาชีพของตัวเองและพวกพ้อง
เพียงเพราะต้องการหารายได้เพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่มบางจำพวกเท่านั้น แต่มันมีผลเสียต่อผู้ประกอบอาชีพรายอื่นๆ
ข้อสำคัญมันทำให้สังคมมีปัญหาโดยเฉพาะเยาวชนอนาคตของชาติ
อีกทั้งทำให้เกิดภาพลบต่ออาชีพที่ให้บริการด้านบันเทิง ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเป็นปลาเน่าตัวเดียวแต่เสียไปทั้งข้อง
ในต่างประเทศที่เปิดกันอย่างเสรีนั้นเขาจะซีเรียสเรื่องนี้อย่างเข้มงวดกวดขัน
แต่ของไทยกลับปล่อยปละละเลยขาดความรับผิดชอบ.
“สายล่อฟ้า”