ศบค.ปลดล็อกคนไทย ไฟเขียวถอดหน้ากากอนามัยแบบ มีเงื่อนไข ยกเว้นคนบางกลุ่มยังต้องสวมใส่ต่อ ปรับพื้นที่ ทั่วไทย 77 จังหวัดเป็นสีเขียว ยกเลิกไทยแลนด์พาส ขยาย เวลาเปิดสถานบันเทิง เปิดจำหน่ายดื่มแอลกอฮอล์ถึงตี 2 ดีเดย์ 1 ก.ค. นอกจากนี้ ยังผ่อนคลายเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เลิกคัดกรองโควิดด้วย เครื่องวัดอุณหภูมิในอาคารสถานที่ ยกเว้นในสถานที่ เสี่ยงยังต้องทำต่อ ลดระดับเตือนภัยจาก 3 เป็น 2 ด้าน นายกเมืองพัทยาเป็นปลื้ม ที่ประชุม ศบค.ให้มากกว่า ที่ขอ ประกาศจะสร้างภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวให้กลับมาโดยเร็ว

ศบค.ปลดล็อกคนไทยอีกเปลาะ เพื่อให้ได้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติดังเดิม โดยไฟเขียวการถอดหน้ากากอนามัยในบางพื้นที่ ยกเว้นคนบางกลุ่มที่ยังต้องให้สวมต่อไป รวมถึงยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ชุบชีวิตคนทำงานกลางคืนให้รอดตาย

ผู้ว่าฯ กทม.-นายกพัทยาร่วมถก ศบค.

ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมศบค.ชุดใหญ่ครั้งที่ 9/2565 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมถึงนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก โดยนายชัชชาติเดินทางถึงทำเนียบฯในเวลา 08.35 น. ทันทีที่มาถึงได้โบกมือกล่าวสวัสดีทักทาย สื่อมวลชน เมื่อผู้สื่อข่าวจะขอสัมภาษณ์ นายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้อย่าเพิ่งสัมภาษณ์เลย เมื่อถามว่าจะมีเสนออะไรในการประชุม ศบค.หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ไม่มีอะไร มาฟังอย่างเดียว จากนั้นก็เดินเข้า ตึกสันติไมตรีไป

...

ไฟเขียวถอดแมสก์-เปิดผับถึงตี 2

เวลา 11.20 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังการประชุมศบค. ว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบตามที่กระทรวงเสนอยกเลิกไทยแลนด์พาสและถอดหน้ากากอนามัยได้ในบางพื้นที่ โดยเน้นความสมัครใจ โดยเฉพาะในที่โล่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เรื่องวัคซีนจะให้สายการบินเป็นผู้ตรวจแทน สำหรับพนักงานให้บริการ ให้ใส่หน้ากากอนามัยต่อไป รวมถึงการจัดงาน เช่น จัดคอนเสิร์ตเกิน 2,000 คนต้องขออนุญาตและยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ที่ประชุมยังมีมติให้ขยายระยะเวลาเปิดสถานบันเทิงไปถึงเวลา 02.00 น.ปลดล็อกให้โรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวพักอาศัย จากเดิมห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น. มีผลในวันที่ 1 ก.ค. และประกาศให้พื้นที่ 77 จังหวัดเป็นพื้นที่สีเขียว หลังจากการผ่อนคลายมาตรการคาดว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าไทยวันละ 2.5 หมื่นคนถึง 3 หมื่นคน มั่นใจถึงสิ้นปีจะมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 7.5 ล้านคน แต่จะพยายามเร่งให้ได้ 10 ล้าน

ดีใจผ่อนคลายมากกว่าที่ขอ

ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.มีแนวโน้มการพิจารณาการผ่อนคลายการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่เมืองพัทยาเกินกว่าที่เสนอไปคือบนชายหาดและสวนสาธารณะ เป็นการผ่อนคลายใส่หรือถอดหน้ากากตามความสมัครใจ รวมไปถึงการควบคุมเวลาเปิดปิดของสถานประกอบการผับบาร์คาราโอเกะ ให้เป็นไปตามกฎหมายในพื้นที่สถานบันเทิง ยังจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย วันนี้มาร่วมประชุม ศบค.นายกฯให้เกียรติอย่างมากกับเมืองพัทยาและ กทม. ที่จะทำงานร่วมกัน พัทยาจะเน้นเรื่องการท่องเที่ยว อยากให้มาตรการต่างๆมีการผ่อนปรน สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้กลับมา

ติดเชื้อขาลง-608 ตายไม่หยุด

จากนั้น นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงผลการประชุม และรายงานสถานการณ์โควิด-19 ในไทยว่าพบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ 1,967 ราย ติดเชื้อในประเทศ 1,963 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 19 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 8 ราย ผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 11 ราย มีโรคเรื้อรัง 8 ราย ยอดติดเชื้อสะสม 4,494,880 ราย หายป่วยสะสม 4,443,428 ราย เสียชีวิตสะสม 30,422 ราย ส่วนสถานการณ์โลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 543,091,611 ราย เสียชีวิตสะสม 6,338,021 ราย

ยังไม่หมดการระบาดอย่างสิ้นเชิง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า กรมควบคุมโรครายงานว่าปลายเดือน พ.ค.-ก.ค.จะทราบว่าสถานการณ์จะไปอย่างไร ขณะนี้เราอยู่ในช่วงระยะหลังเกิดโรคติดต่อ โดยที่ประชุมได้รับทราบตามที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอภาพการระบาดใน 77 จังหวัด ว่า มี 50 จังหวัดมีทิศทางลดลงสอดคล้องกัน แต่มี 17 จังหวัดที่ตัวเลขลดลง แต่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องมีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังไม่ให้เพิ่มขึ้น หลังจากนี้จะบอกว่าหมดการระบาดแล้วนั้นยังไม่เชิง ยังคาดการณ์กันว่าอาจจะมีการระบาดระลอกเล็กๆเกิดขึ้นมาได้บ้าง จึงต้องเฝ้าระวัง ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันโรค การฉีดเข็มกระตุ้นและการสวมหน้ากาก

...

ปรับพื้นที่ทั้งประเทศเป็นสีเขียว

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบปรับพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้ง 77 จังหวัด ยกเลิกกำหนดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) ทั้งประเทศ เห็นชอบข้อเสนอผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคในประเทศ ได้แก่ ควรใส่หน้ากากตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่แออัด สถานที่ปิด หรืออยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดบริการได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค กฎหมาย กฎหรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิงเปิดให้บริการและให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 24.00 น.โดยเปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด ผ่อนคลายให้เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวได้ตามปกติ ยกเลิกการคัดกรองด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิในอาคารสถานที่ แต่อาจให้คัดกรองอุณหภูมิในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ระบาด ให้เว้นระยะห่างตามความเหมาะสม การรวมกลุ่มให้ตรวจคัดกรองเอทีเคสำหรับผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ หากรวมกลุ่มกันมากกว่า 2 พันคน ให้แจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ทั้งนี้ เริ่มวันที่ 1 ก.ค.

ให้จัดเพดานเวลาดื่มแอลกอฮอล์

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวว่า การหารือในที่ประชุม ใช้เวลาพอสมควรถึงข้อเสนอให้เปิดสถานบันเทิงและบริโภคสุราถึงเวลา 02.00 น. เนื่องจากต้องศึกษาข้อกฎหมายที่มีความเชื่อมโยงกัน 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 กฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ พ.ศ.2547 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2558 ที่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเวลา 11.00-14.00 น. และอีกช่วงคือ เวลา 17.00-24.00 น. ที่ประชุมมอบให้ฝ่ายกฎหมาย ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค.หาข้อสรุปนำเสนอ ครม.โดย ผอ.ศบค.ขอให้ทำให้เร็วที่สุดอยากให้เกิดขึ้นในวันที่ 1 ก.ค. แต่เลขาฯ สมช.ขอเวลาให้ฝ่ายต่างๆไปทำงานให้เต็มที่ เพื่อให้กฎหมายและข้อมูลที่รวบรวมมาแก้ไขได้ถูกต้อง และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

...

สุ่มตรวจขาเข้าแทนไทยแลนด์พาส

นพ.ทวีศิลป์ได้กล่าวอีกว่า ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบมาตรการเข้าราชอาณาจักรเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ให้ยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผู้เดินทางแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนหรือผลการตรวจเชื้อ สุ่มตรวจผู้เดินทาง หากสุ่มแล้วผู้เดินทางไม่มีเอกสารรับรองใดๆให้ตรวจ ATK ที่สนามบิน จนกว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คงระบบและเปลี่ยนหน้าที่ไทยแลนด์พาส เพื่อให้ผู้เดินทางใช้แจ้งรายงานกรณีมีอาการต้องสงสัยโรคติดต่ออันตรายและโรคติดต่อ ที่ต้องรายงานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่การเดินทางเข้าประเทศทางด่านพรมแดนถาวร ได้ยกเลิกการลงทะเบียนไทยแลนด์พาสและหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ ให้สำแดงเอกสารวัคซีนหรือผลการตรวจหาเชื้อแบบต่างๆ ให้สุ่มตรวจเอกสารที่ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ ยกเลิกมาตรการคัดกรองอุณหภูมิ ณ ช่องทางเข้าออก ยกเลิกการกำหนดวงเงินประกัน แต่ให้ส่งเสริมการซื้อประกันเพื่อไม่ให้เป็นภาระในเวลาเจ็บป่วย

เปิดเงื่อนไขการถอดหน้ากาก

...

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวต่ออีกว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายทางสังคม ชุมชนและองค์กร ในเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัย นายกฯเน้นว่าขอให้เป็นไปโดยความสมัครใจ เพราะยังมีประโยชน์ป้องกันการแพร่เชื้อและรับเชื้อ จึงควรพกหน้ากากทุกครั้งที่ออกจากบ้าน นำมาสวมเมื่อมีความเสี่ยง สำหรับประชาชนกลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากากเมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่น ผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น ส่วนประชาชนทั่วไปให้สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือระบายอากาศที่ไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬา หรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม ถอดหน้ากากได้ในกรณีที่อยู่คนเดียว หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในที่เดียวกันต้องเว้นระยะห่างได้ หากมีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดงให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็ให้สวมหน้ากากต่อ

อย่าบูลลี่คนใส่หน้ากากอนามัย

“ที่ประชุมได้พูดถึงความสำคัญในเรื่องนี้ว่าในต่างประเทศการสวมหน้ากาก บางครั้งอาจแสดงถึงเป็นผู้ติดเชื้อ คนนี้จะถูกรังเกียจมีการบูลลี่กัน แสดงทัศนคติที่ไม่ดีกัน จึงต้องประชาสัมพันธ์กันว่าผู้สวมหน้ากากเป็นผู้รับผิดชอบต่อสังคม ไม่จำเป็นต้องเป็นคนติดเชื้อหรือมีความเสี่ยงสูง ใครที่รักสุขภาพรักตัวเอง ใช้หน้ากากในการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นสิทธิที่จะเขาสวมใส่หน้ากากได้ เรื่องนี้จึงอยากให้เป็นภาพของความสมัครใจ เพราะนายกฯรับฟังมาจากหลายคน บางคนยังไม่อยากถอดด้วย จึงอยากจะให้คงกันไว้อยู่” นพ.ทวีศิลป์ระบุ

พิธีกร-ผู้ร่วมรายการปลดแมสก์ได้

โฆษก ศบค.กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ วีดิทัศน์ ผู้ปฏิบัติการหน้าฉากสามารถถอดหน้ากากได้แบบมีเงื่อนไข จากเดิม กสทช.อนุญาตให้เฉพาะละคร แต่ขณะนี้ผ่อนคลายให้พิธีกรและผู้ร่วมรายการถอดหน้ากากได้ แต่ต้องมีมาตรการโควิดฟรีเซตติ้ง มอบหมายให้ กสทช.ออกมาตรการและช่วงเวลาบังคับใช้ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของ กสทช.ที่จะประกาศบังคับใช้ได้เลย

ส่งวัคซีนให้ รพ.สต.ฉีด ปชช.เร็วที่สุด

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อไปว่า เรื่องการให้บริการวัคซีนมีความสำคัญมาก ก่อนเข้าสู่การประกาศเป็นโรคประจำถิ่น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะต้องถึง 60% วันนี้ทำได้ 41.8% ฉีดไปแล้ว 138.9 ล้านโดส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงในที่ประชุมด้วยว่า วัคซีนที่มีอยู่จะต้องส่งไปให้ถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือ รพ.สต. หรือหน่วยงานที่ใกล้ประชาชนมากที่สุด เพื่อเตรียมความพร้อมให้พร้อมใช้และให้ รพ.สต.นำไปฉีดให้ประชาชน โดยไปให้ถึงประชาชนให้ได้ไกลมากที่สุดและได้ฉีดเร็วที่สุด ยอมรับว่า วัคซีนที่รับบริจาคมาบางส่วนจะหมดอายุ เราต้องพยายามใช้ประโยชน์ของวัคซีนนั้นๆโดยเร็ว ขอความร่วมมือประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 608 ได้รับวัคซีนให้ได้มากที่สุดเพื่อลดอัตราการป่วยหนักและการเสียชีวิต

ขออนุมัติเปลี่ยนวัคซีน AZ

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวด้วยว่า ในที่ประชุม ศบค. อธิบดีกรมควบคุมโรครายงานเรื่อง ลองแอ็กติ้ง แอนติบอดี (LAAB) ตามที่ ศบค. เมื่อ 2 มิ.ย. ให้จัดหา LAAB ประเมินผลการศึกษา ประเมินความคุ้มค่า พบว่ามีความคุ้มค่า โดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง มีภูมิคุ้มกันต่ำ หากใช้ในคนกลุ่มนี้จะช่วยลดการสูญเสียได้เป็นอย่างดี ดังนั้นให้ไปดูว่าคนที่ต้องการใช้ที่มีอยู่ประมาณ 1.7 แสนคน จึงขออนุมัติในการเปลี่ยนวัคซีนที่ทำสัญญากับแอสตราเซเนกาบางส่วนไปเป็นแอนติบอดีตัวนี้ ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณที่ ครม.เคยอนุมัติไว้และขยายเวลาการส่งมอบวัคซีนจากเดือน ม.ค.-ก.ย. 2565 เป็น ม.ค.2565-มิ.ย.2566 ที่ประชุมเห็นชอบ

ยุบศูนย์บริหารโควิด กทม.

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม. ได้เข้าร่วมประชุม ศบค.ด้วย รายงานว่าสถานการณ์โรคในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทำได้ดี จัดการสถาน การณ์ต่างๆได้ดี จากที่เคยมีศูนย์แก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่อดีตเคยมีการติดเชื้อสูงมาก แต่ถึงวันนี้สามารถกลับไปใช้อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้แล้ว ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคในกรุงเทพ มหานครและปริมณฑลหมดหน้าที่ไป ทำให้เหมือนกับทุกจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ

ลดระดับเตือนภัยจาก 3 เป็น 2

วันเดียวกัน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ของไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน กระทรวงจึงปรับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 3 เป็นระดับ 2 ทั่วประเทศ มีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวโดยเน้นกลุ่มเสี่ยง 608 และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ควรงดเข้าสถานบันเทิง หลีกเลี่ยงการเข้าสถานที่ระบบปิดหรือแออัด หลีกเลี่ยงการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก หลีกเลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท เลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปปฏิบัติตัวใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ติดเชื้อโอมิครอนจะป่วยยาว 4%

วันเดียวกัน ผลการศึกษามหาวิทยาลัยคิงคอลเลจ ลอนดอน ของอังกฤษพบหลักฐานจากการเก็บข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เผชิญกับอาการป่วยระยะยาวหรือลองโควิด ระบุว่าผู้ที่ติดเชื้อโอมิครอนมีแนวโน้มที่จะป่วยระยะยาว คิดเป็นสัดส่วน 4% หรือ 4,000 คน จาก 100,000 คน ถือว่าน้อยกว่าผู้ติดเชื้อเดลตาที่สัดส่วนลองโควิดอยู่ที่ 10% หรือ 10,000 คน จาก 100,000 คน พร้อมระบุว่าสถิติผู้ป่วยลองโควิดในอังกฤษมีอย่างน้อย 2 ล้านคน ในจำนวนนี้เกิดจากเชื้อเดลตาประมาณ 1.3 ล้านคน จากเชื้อโอมิครอนประมาณ 700,000 คน