ประวัติศาสตร์กฎหมายไทยต้องจารึก? วันที่ 9 มิ.ย.65 เป็นวันที่กฎหมายปลดล็อกกัญชาเริ่มมีผลบังคับใช้
ทั้งอัยการ ศาลยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ต่างออกมาตีข่าวถึงวิธีปฏิบัติที่จะมีผลทันทีคือ ผู้ต้องหาคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี และนักโทษเด็ดขาดที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศต้องถูกปล่อยตัว!
กรมราชทัณฑ์สำรวจผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับกัญชาที่อยู่ในความรับผิดชอบมีทั้งสิ้น 4,103 ราย แยกเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี 884 ราย และนักโทษเด็ดขาด 3,219 ราย
หลังกฎหมายใหม่เปลี่ยนนิยามของกัญชาจากยาเสพติดประเภทที่ 5 มาเป็น “พืช” ทำให้ผู้ต้องหาและผู้ต้องขังข้อหาผลิต ขาย นำเข้า ส่งออก ครอบครอง และเสพ ต้องถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ เพราะการกระทำเช่นนั้นตามกฎหมายใหม่ไม่เป็นความผิดอีกต่อไป
แถมยังต้องลบชื่อผู้เคยกระทำผิดออกจากสารบบผู้มีมลทิน เหมือนไม่เคยทำผิดมาก่อน เพราะกฎหมายใหม่เป็นคุณกับผู้ที่เคยกระทำผิดข้อหาเหล่านี้!
ทั้งหมดจะได้อานิสงส์ถูกปล่อยตัวออกมาสู่โลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาค้ากัญชารายใหญ่ถูกจับพร้อมของกลางหลายร้อยกิโลฯ ที่ตำรวจเอามาแถลงข่าวใหญ่โต ผู้ค้ารายย่อย และผู้เสพ
ต่อไปคงได้เห็นสายเขียวออกมาฉุยฉายกันทั้งประเทศ!
การปล่อยผู้ต้องขังคดีกัญชาแบบเตะรวบตามกฎหมายแบบนี้ ทำให้ชาวบ้านตีความได้ว่า มันต้องเสรีไปหมดนั่นแหละ?
เรื่องนี้ก็แปลก เอ็นจีโอที่เคยออกมารณรงค์ต่อต้านทั้งเหล้า บุหรี่ และยาเสพติดอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เห็นมีใครเสนอหน้าออกมาตั้งคำถามว่าอนาคตเราจะอยู่กันยังไง?
ถามไถ่ไปที่ตำรวจว่า ถ้าใครมาเดินสูบกัญชาตามท้องถนนจะกล้าจับหรือเปล่า คำตอบที่ได้รับคือ ไม่!
แล้วถ้าต่อไปชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากพวกเมากัญชาหรือผู้ค้าจะทำยังไง ยังไม่มีใครรู้?
...
ขอทำนายล่วงหน้า เรื่องกัญชาเสรีจะทำให้กระบวนการยุติธรรมวุ่นไปอีกนาน...
สหบาท