• "ทนายเดชา" โต้ทันควัน หลังมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยันไม่มีการยักยอกศพแตงโม และว่าคลิปเสียงที่อ้างว่า คุยกับคนบนเรือ ต้องตรวจสอบก่อน หากจริง คนบนเรืออาจโดนคดีเพิ่ม
  • ด้าน แอนนา ออกมาไลฟ์ชี้แจง เกี่ยวกับประเด็นที่ถูกสงสัยว่า เข้าข้างคนบนเรือ และว่า เพื่อนๆ ไม่ได้หยุดเรียกร้องความยุติธรรมให้ "แตงโม"
  • อัยการจังหวัดนนทบุรี เรียกทีมแพทย์นิติเวช ที่ผ่าชันสูตรร่าง "แตงโม" มาให้ข้อมูลเพิ่ม ส่วนตำรวจ แถลงโต้ ยันทำคดีโปร่งใส หากแสดงความเห็น ทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม อาจพิจารณาเอาผิด

จากกรณี การเสียชีวิตของนักแสดงสาวชื่อดัง แตงโม นิดา ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หลังลงเรือสปีดโบ๊ตไปกินข้าว และแวะถ่ายรูปตามจุดต่างๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระทั่งตกเรือเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 และถูกพูดถึงอย่างมาก เกี่ยวกับสาเหตุการตกเรือที่แท้จริงของแตงโม เนื่องจากหลายคนมองว่า หลังเกิดเหตุพบประเด็นที่ค้านกับความรู้สึกหลายอย่าง

อย่างไรก็ตาม หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งโต๊ะแถลงสรุปสำนวน การเสียชีวิตของแตงโม เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2565 ว่า นักแสดงสาวพลัดตกจากหลังเรือ และบาดแผลที่พบบนร่างนั้น เทียบเคียงได้ว่า เป็นบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือ ซึ่งก็ถูกจับผิดในเวลาต่อมา 

ขณะที่วันนี้ (9 พ.ค.) มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ของประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในประเด็นเกี่ยวกับบาดแผลที่พบบนร่าง โดยเชื่อมั่นว่า นักแสดงสาว เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุ พร้อมประกาศให้เวลา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. 24 ชั่วโมง ถ้าไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหา ก็จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)

...

ทนายแม่ สวนกลับทันควัน



ต่อมา ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคุณแม่นิดา ให้มาดูแลคดีแตงโม ได้แถลงข่าวโต้ โดยระบุว่า หลักฐานที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวนำมาแถลงนั้น ไม่ใช่หลักฐานใหม่ แต่เป็นหลักฐานที่มีการนำเสนอผ่านทางรายการต่างๆ มาแล้ว และนำมาวิพากษ์วิจารณ์ในมุมของตัวเอง ส่วนคลิปที่อ้างว่านำมาจากนิติเวชนั้น หากมีการนำมาเผยแพร่จริง อาจจะมีความผิด ฐานเปิดเผยข้อมูลความลับทางราชการ พร้อมทั้งยังบอกด้วยว่า การที่นำภาพศพของแตงโม มาแถลงข่าว หากยังไม่ได้ขอคุณแม่ คุณแม่อาจได้รับความเสียหาย และดำเนินคดีกลับได้ ซึ่งก็ได้คุยกับคุณแม่บ้างแล้ว

ซึ่งเชื่อว่า เรื่องนี้ ทางตำรวจน่าจะต้องออกมาแถลงข่าวชี้แจง เนื่องจากส่งกระทบกับตำรวจที่ทำคดี แพทย์นิติเวช รวมถึงตำรวจ อักษรย่อบางคน ที่อ้างว่าอยู่เบื้องหลัง 

ส่วนแชตไลน์ที่นำมาแถลงข่าวนั้น สามารถทำขึ้นได้ เรื่องนี้ต้องส่งพิสูจน์ว่าแชตดังกล่าว เป็นแชตจริงหรือไม่ ถ้าจริง ทั้งเจ้าพนักงาน หรือหมอ อาจผิดกฎหมาย มาตรา 157 ซึ่งงานนี้ต้องมีคนถูกดำเนินคดีอาญา และว่าคลิปเสียง เป็นการคุยกันของบุคคลภายนอก ไม่ได้มีผลใดๆ ต่อรูปคดี แต่หากเป็นคลิปที่นายตี๋ คุยกับหนึ่งในคนบนเรือจริงๆ คนคนนั้นก็อาจโดนคดีเพิ่มอีก

ขณะที่ การนำร่างของ แตงโม ไปชันสูตร ของเจ้าหน้าที่นิติเวชนั้น ไม่ใช่การลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอกอะไรต่างๆ เนื่องจากการชันสูตร ไม่จำเป็นต้องมาขออนุญาตคุณแม่ ทนายคนใด เพราะแพทย์สามารถทำได้ ภายใต้กฎหมาย และการชันสูตรจะต้องมีการถ่ายภาพไว้ทุกขั้นตอน 

และว่า จากที่ได้คุยกับ คุณแม่นิดา แม่ยังบอกด้วยว่า เบื่อคนๆนี้



แอนนา ไลฟ์สด ยันไม่ได้เข้าข้างคนบนเรือ

ส่วนเพื่อนสนิทของแตงโม อย่าง "แอนนา" ก็ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก แจงในประเด็นต่างๆ ที่สังคมสงสัยว่าเปลี่ยนไป และไปเข้าข้างคนบนเรื่อง โดยยืนยันว่า ไม่ได้เข้าข้างคนบนเรือ และที่ผ่านมา ในประเด็นที่กลุ่มเพื่อนสงสัยไม่ว่าจะเป็นการนั่งปัสสาวะท้ายเรือ ก็ได้มีการไปทดสอบกันมาเหมือนกัน แต่ไม่ได้บอกใคร

แอนนา บอกด้วยว่า ตัวเองก็มีคำถามอยู่ในใจว่า บาดแผลเกิดขึ้นได้อย่างไรตั้งมากมาย ซึ่งก็ยังถามกับทางนิติเวช ว่าทำไมตอนแรกที่ร่างโมขึ้นจากน้ำ ไม่เห็นบาดแผล คำตอบที่ได้คือ แตงโม เป็นคนผิวขาว ตอนที่ขึ้นจากน้ำก็เลยยังไม่เห็นริ้วแผล แต่พอระยะเวลาผ่านไป ร่างกายเปลี่ยนสี สีของร่างกายเริ่มเข้มขึ้น ก็เลยเริ่มเห็นบาดแผลมากขึ้น

ทั้งนี้ ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่เพื่อนๆ พยายามทำมาตลอด คือการทวงความยุติธรรมให้แตงโม ซึ่งหลายคนถามว่า ทำไมเวลาไลฟ์ขายของ ไม่พูดเรื่องโม ซึ่งแอนนา บอกว่า ไม่อยากเอาแสงตรงนี้มาหาเงิน และว่าค่าตัวออกรายการต่างๆ แอนนา ก็เอาไปทำบุญหมด

...

ตำรวจยัน ทำคดีโปร่งใส พยานใช้อ้างในชั้นศาลได้



อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมแพทย์จากนิติเวชของโรงพยาบาลตำรวจ และทีมแพทย์นิติเวชจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ที่ผ่าชันสูตรร่าง "แตงโม" ได้เดินทางมาให้อัยการซักถาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี

โดยคาดว่า จะเป็นการซักถามเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องบาดแผลที่พบตามร่างกายของแตงโม ที่กลายเป็นข้อขัดแย้งอยู่ในตอนนี้

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 1 ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เกี่ยวกับประเด็นที่กลุ่มบุคคลตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยระบุว่า น่าจะเป็นความเข้าใจบางประเด็นที่คาดเคลื่อน และที่สำคัญ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม และว่าขณะนี้สำนวนทั้งหมด ได้ถูกส่งไปที่อัยการแล้ว และอยู่ระหว่างการทำงานของอัยการ ทำให้ชี้แจงได้ในบางประเด็นที่เกี่ยวกับหลักการทำงานเท่านั้น เพราะสำนวนอยู่ในอำนาจของอัยการแล้ว ทำให้ตอบได้บางประเด็นเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ทำคดีด้วยความโปร่งใส ยึดหลักฐานตามข้อเท็จจริง โดยไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

...



ส่วนการอ้างอิงพยาน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญต่างๆ นั้น อ้างอิงตามหลักกฎหมาย โดยผู้เชี่ยวชาญนั้นๆ จะสามารถไปให้การในชั้นศาลได้ ไม่ใช่ว่า เอาใครก็ไม่รู้มาเป็นพยาน หรือผู้ชำนาญการ โดยทั้งหมดมีที่มาที่ไป และได้รับการรับรองจากองค์กรต่างๆ ว่าเป็นผู้ชำนาญการ นอกจากนี้ ยืนยันว่า ไม่มีผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรือสามารถสั่งการในคดีนี้ได้ เนื่องจากคดีนี้ อยู่ในความสนใจของประชาชน และเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

และว่า การตั้งข้อสงสัยในคดี ด้วยความบริสุทธิ์ใจสามารถทำได้ แต่เมื่อไรที่กระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม อาจมีการพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายได้