ยอดป่วยไม่แผ่ว ไฟเขียว "ซิโนแวค" สำหรับเด็ก 3-17 ปี

ไทยยังเจอผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แผ่ว เหตุคลัสเตอร์ใหม่ผุดทั่วประเทศ มีทั้งร้านอาหาร สถานศึกษา ตลาด โรงงาน ร้านทำผม รวมถึงค่ายทหาร ขณะที่ ศบค.กำชับพื้นที่ต้องคุมเข้มนักท่องเที่ยวเข้าไทยหลังปรับระบบเทสต์แอนด์โกรอบใหม่ ให้ตรวจหาโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง หลังจากที่ผ่านมาตรวจแล้วเผ่นจากที่พัก ไม่รอฟังผล นายกฯสั่งหากไม่ปฏิบัติตามให้ดำเนินคดีเต็มที่ ด้านกรมควบคุมโรคแจงปรับสูตร-ช่วงเวลาในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด คนเคยติดเชื้อไม่ต้องรอถึง 3 เดือน แค่เดือนเดียวก็ฉีดได้ รวมถึงให้ใช้สูตรฉีดแอสตราฯ 3 เข็มรวด หากไม่ประสงค์ฉีดวัคซีน mRNA ส่วนองค์การอนามัยโลกจับตาโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 จ่อครองโลก ส่วน BA.2 ที่ติดต่อกันง่ายกว่า ยังต้องรอดูสถานการณ์ รพ.เด็กประเดิมไฟเซอร์เด็ก ขณะที่ สธ.เห็นชอบฉีดซิโนแวคเด็ก 3-17 ปี

ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทย ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ยืนอยู่ที่ 8 พันคนต่อวันต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า โดยมีถึง 19 จังหวัด พบผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 100 คน

ติดโควิด 8 พันคนต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,008 คน แยกเป็นการติดเชื้อในประเทศ 7,828 คน มาจากเรือนจำ 14 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 166 คน จาก 31 ประเทศ มาจากระบบเทสต์แอนด์โก 2 คน แซนด์บ็อกซ์ 147 คน ควอรันทีน 17 คน 3 ประเทศต้นทางที่พบผู้ติดเชื้อมากสุด ได้แก่ รัสเซีย 84 คน ตามด้วยเดนมาร์ก 10 คน และคาซัคสถาน 8 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด

สูงวัยตายอีก 16 ศพ

ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มขึ้น 8,215 คน อยู่ระหว่างรักษา 84,319 คน อาการหนัก 542 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 106 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 16 คน เป็นชาย 9 ราย หญิง 7 ราย อายุ 60 ปีขึ้นไป 15 คน มีโรคเรื้อรัง 1 คน ขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,440,542 คน มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,334,050 คน มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 22,173 คน ส่วนยอดฉีดวัคซีนวันที่ 30 ม.ค. 97,297 โดส ยอดฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.64 จำนวน 115,053,572 โดส

19 จังหวัดป่วยทะลุร้อย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ กทม. 1,298 คน สมุทรปราการ 784 คน ชลบุรี 466 คน นนทบุรี 449 คน ภูเก็ต 393 คน ปทุม ธานี 206 คน นครราชสีมา 203 คน ศรีสะเกษ 172 คน อุบลราชธานี 169 คน และขอนแก่น 167 คน นอกจากนี้ยังพบจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 100 คนอีกหลายจังหวัด ภาคกลางมีอีก 3 จังหวัดได้แก่ นครปฐม 139 คน ลพบุรี 155 คน และสระบุรี 108 คน ภาคใต้ 2 จังหวัดได้แก่ นครศรีธรรมราช 149 คน และพัทลุง 109 คน ภาคตะวันตก 1 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี 117 คน ภาคเหนือ 1 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ 146 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเพิ่ม 2 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ 100 คน และอุดรธานี 104 คน

นร.ติดเชื้ออย่าปิดทั้งโรงเรียน

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า คลัสเตอร์ใหม่ยังมีหลายจังหวัด อาทิ คลัสเตอร์ร้านอาหาร สถานบันเทิงที่ จ.สุพรรณบุรี อุดรธานี คลัสเตอร์สถานพยาบาล ที่ กทม. ชลบุรี ลพบุรี นนทบุรี บุรีรัมย์ คลัสเตอร์โรงเรียนที่ เพชรบุรี สุรินทร์ มุกดาหาร อุดรธานี บุรีรัมย์ นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค. แสดงความห่วงใย ต้องการให้เปิดเรียนเพื่อให้เด็กได้สร้างพัฒนาการ หากติดเชื้ออย่าปิดทั้งโรงเรียนให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหารือกับผู้บริหารสถานศึกษาอาจปิดเฉพาะห้อง เฉพาะชั้นเรียน นอกจากนี้ยังมีคลัสเตอร์ตลาดที่ จ.อุบลราชธานี สมุทรสาคร น่าน อุดรธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ คลัสเตอร์โรงงานพบที่ สมุทรปราการ นครพนม ฉะเชิงเทรา สุรินทร์ ลพบุรี ชลบุรี บุรีรัมย์ คลัสเตอร์ร้านทำผมที่เพชรบุรี อยุธยา ส่วนคลัสเตอร์งานบวชพบที่อุบลราชธานี กาญจนบุรี และคลัสเตอร์ค่ายทหารพบที่ปราจีนบุรีและลพบุรี

เข้ม นทท.รับเทสต์แอนด์โกรอบ 2

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวระบบเทสต์แอนด์โกรอบใหม่ ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เช่น กทม.ที่มีการปรับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง คือวันแรกที่เข้าพักและวันที่ 5 แต่ในเดือน ม.ค.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.)รายงานว่ามีผู้ฝ่าฝืน 22 ราย ส่วนใหญ่ตามตัวไม่พบหลังตรวจ RT-PCR ครั้งแรก ผอ.ศบค.ให้ประสานกันดูแลอย่างเข้มงวด ถ้าไม่ปฏิบัติตามต้องดำเนินคดีอย่างเต็มที่ตามมาตรา 51 ข้อหาความผิดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ

ปชช.ต้องเข้าถึง ATK ได้ง่าย

นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่าถึงการใช้ ATK เป็นอุปกรณ์สำคัญในการตรวจเลขาธิการ สมช.แจ้งว่าตามประสงค์ของนายกฯ ถ้าประชาชนต้องการใช้ ATK ตรวจเพื่อนำไปประกอบการแสดงหลักฐาน 1.ภาครัฐหรือโรงพยาบาลของรัฐต้องให้บริการในราคาต้นทุน 2.ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดหา ATK เพื่อกระจายไปยังร้านขายยา 3.ต้องมีจุดจำหน่าย ซื้อขายได้อย่างง่ายทั่วประเทศ ขณะนี้เฉลี่ยแล้วมี ATK เข้ามาในประเทศ 20 ล้านชุดต่อเดือน และมีแนวโน้มที่ต้นทุนจะถูกเรื่อยๆ ส่วนการจัดการขยะ ATK ที่ใช้แล้ว ยังคงมีเชื้อโรคติดอยู่แม้ตรวจไม่พบเชื้อโควิด ก่อนนำไปทิ้งจึงขอให้ฉีดพ่นแอลกอฮอล์ ใส่ถุงขยะสีแดงสัญลักษณ์ของขยะติดเชื้อหรือถุงขยะสองชั้น และปิดปากถุงให้แน่น และขอฝากเตือนกรณีการลงทะเบียนไทยแลนด์พาสที่มีกลุ่มบุคคลใช้อีเมลปลอมเพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ ตรวจสอบให้ดีก่อน อย่าสแกนและให้ข้อมูลใดๆ เพราะข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ

“ศักดิ์สยาม” ไม่ติดโควิด

ส่วนกรณี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ติดเชื้อโควิด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาถึง 8 คน ต่อมานายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า สมาชิกพรรคที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ร่วมงานและสัมผัสใกล้ชิดได้มีการตรวจหาเชื้อและกักตัวเป็นที่เรียบร้อย ส่วนตนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขและตรวจ ATK อย่างสม่ำเสมอ 3 วันแล้ว ตั้งแต่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย แจ้งว่าติดโควิด วันนี้ผลตรวจเป็นลบ สุขภาพยังแข็งแรงเป็นปกติไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19

ฉีดวัคซีนได้หลังติดโควิด 1 เดือน

ต่อมาที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงผลการประชุมของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า มีคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม คือ 1.เพิ่มเติมสูตรการฉีดสูตรไขว้ ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ คือ วัคซีน mRNA เป็นเข็มที่ 1 และวัคซีนไวรัลเวคเตอร์ เป็นเข็มที่ 2 ระยะห่าง 4 สัปดาห์ เช่น ผู้ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 และมีอาการแพ้วัคซีน สามารถฉีดไวรัลเวคเตอร์ เป็นเข็มที่ 2 ได้ 2.ผู้มีประวัติติดเชื้อโควิดมาก่อน ขณะนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อแล้ว 2 ล้านกว่าคน สามารถรับวัคซีนใช้หลักการเดียวกันกับผู้ยังไม่เคยติดเชื้อ เดิมมีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนหลังการติดเชื้อ 3 เดือน ล่าสุดที่ประชุมแนะนำให้ลดระยะเวลาเหลือ 1 เดือน

เลือกได้ฉีดแอสตราฯ 3 เข็ม

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า 3.ผู้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา แล้ว 2 เข็ม เดิมแนะนำให้ฉีดเข็ม 3 เป็นชนิด mRNA แต่เนื่องจากหลายคนไม่สบายใจที่จะฉีดชนิด mRNA ที่ประชุมอนุมัติให้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา เป็นเข็มกระตุ้นได้ หรือ ทริปเปิล A ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปหลังฉีดเข็มที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลของประเทศอังกฤษ 4.เด็กอายุ 12-17 ปีที่รับวัคซีนซิโนฟาร์มแล้ว 2 เข็ม 4 สัปดาห์ สามารถรับเข็ม 3 ได้เป็นวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้แม้ว่าจนถึงขณะนี้ คณะอนุฯ สร้างเสริมภูมิคุ้มกันจะยังไม่ได้แนะนำให้ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มในเด็กก็ตาม แต่ผู้ที่ฉีดไปแล้ว สามารถรับไฟเซอร์เป็นเข็มกระตุ้นได้ หลังจากฉีดแล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป

เห็นชอบซิโนแวคในเด็ก 3–17 ปี

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า 5.ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ฉีดวัคซีนซิโนแวค ในเด็กอายุ 3-17 ปี เพราะขณะนี้ได้มีการส่งข้อมูลความปลอดภัยและประสิทธิผลให้พิจารณา ที่ประชุมเห็นว่าข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน และอนุญาตให้ฉีดซิโนแวคในเด็ก 3-17 ปีได้ แต่ต้องรอการอนุมัติการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก่อน เมื่อได้อนุมัติแล้ว ฉีดได้เลย

ฉีดเด็กทั่วไปสัปดาห์หน้า

ส่วนแผนการกระจายวัคซีนในเดือน ก.พ. นพ.โอภาสกล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคโควิด-19 หรือ อีโอซี สธ.ได้อนุมัติแผนการจัดการวัคซีนเดือน ก.พ.65 ดังนี้ วัคซีนแอสตราเซเนกา 7 ล้านโดส วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีม่วง สำหรับอายุ 12 ปีขึ้นไป จำนวน 2.6 ล้านโดส วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้ม สำหรับเด็ก อายุ 5-11 ปี จำนวน 1.2 ล้านโดส และวัคซีนสำรองสำหรับตอบโต้การระบาดด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา 1 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้มสำหรับเด็ก 5-11 ปี เริ่มฉีดแล้วในกลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัว ส่วนเด็กปกติทั่วไปจะใช้โรงเรียนเป็นฐาน เริ่มต้นฉีดสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป และที่มีกลุ่มผู้ปกครองคัดค้านการฉีดวัคซีนในเด็ก และเป็นห่วงว่าเป็นการนำเด็กเป็นหนูทดลอง ขอยืนยันว่า การฉีดวัคซีนจะต้องฉีดด้วยความสมัครใจ รัฐบาลและกระทรวงไม่เคยบังคับ และวัคซีนที่ฉีดต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.ว่าปลอดภัย มีคุณภาพและได้มาตรฐาน แต่วัคซีนก็เหมือนยาแบบหนึ่ง ต้องมีคนแพ้หรือมีอาการไม่พึงประสงค์ได้ แต่อยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ ข้อมูลของไทยมีคนที่เสียชีวิตจากวัคซีน 4 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 25 ล้านโดส ถือว่าน้อยมาก ปกติการยอมรับคือ 1 ใน 1 แสนโดส

รพ.เด็กปักไฟเซอร์เข็มแรก

วันเดียวกัน ที่ชั้น 12 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเดินทางมาให้กำลังใจการจัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในกลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.โรคอ้วน ที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น 2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง 3.โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง 4.โรคไตวายเรื้อรัง 5.โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ 6.โรคเบาหวาน และ 7.กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า โดยวันแรกมีเด็กมารับวัคซีน ประมาณ 100 คน ขณะที่ด้านล่างอาคาร ผู้สื่อข่าวรายงานมีประชาชนรวมกลุ่มกันชูป้ายคัดค้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ระบุว่าเป็นการนำเด็กมาเป็นหนูทดลองและวัคซีนมีผลข้างเคียง ไม่สามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้จริง และระบุด้วยว่าประชาชนไม่มีเสรีภาพในการฉีดวัคซีน

เร่งบริษัทส่งวัคซีนเร็วขึ้น

ต่อมา นายอนุทินเปิดเผยว่า วันนี้เริ่มต้นการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้ม สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี รัฐบาลจัดซื้อจำนวน 10 ล้านโดส ลอตแรกเข้ามาแล้ว 3 แสนโดส และจะเข้ามาทุกสัปดาห์จนครบ คาดใช้เวลา 3 เดือน แต่จากการหารือร่วมกับผู้บริหารบริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย ตนได้ขอให้จัดส่งเพิ่มมากกว่าสัปดาห์ละ 3 แสนโดส ได้รับการตอบรับว่าจะจัดส่งให้ได้มากขึ้น เพื่อให้ครบจำนวนที่สั่งได้เร็วขึ้น 1 เดือน และมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมโรคประสานเพื่อแก้ไขสัญญา และให้กรมการแพทย์ กรมอนามัย เตรียมความพร้อมรองรับการฉีดวัคซีนเด็กให้ครอบคลุมให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมควบคุมโรคว่า วัคซีนซิโนแวคยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนการฉีดเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน แต่ผู้ใหญ่ในบ้านออกไปทำงานนอกบ้าน ทำให้มีโอกาสที่จะนำเชื้อมาสู่เด็กได้ และทันทีที่ อย.อนุมัติวัคซีนซิโนแวคสำหรับฉีดเด็ก 3 ปีขึ้นไป เราจะนำวัคซีนซิโนแวคที่มีอยู่มาฉีดให้เด็กได้ทันที

วอน “ตรีนุช” ทบทวนวัคซีนเด็ก

อีกด้านหนึ่งช่วงเช้า ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ สาขาภาคเหนือ นำโดยนายณฐพบธรรม พบธรรมเจริญใจ เลขาธิการกลุ่มฯ นำคณะกว่า 20 คน มายื่นหนังสือถึง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. ขอให้ทบทวนมาตรการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี และเรียกร้องให้ ศธ.ยกเลิกมาตรการในโรงเรียนที่ออกมาในลักษณะกีดกัน แบ่งแยกเด็กที่ฉีดและไม่ฉีดวัคซีน ควรให้เด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนการสอนแบบปกติ และไม่ละเมิดสิทธิของเด็ก มีนายวิสิทธิ์ ใจเถิง หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ศธ. เป็นผู้รับเรื่องแทน

โคราชโควิดพุ่ง-ตายเพิ่ม

ส่วนที่ จ.นครราชสีมา คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแจ้งพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 142 คน โดยพบใน อ.เมืองนครราชสีมา มากที่สุด 54 คน ตามด้วย อ.ปากช่อง 19 คน มีผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ศพ เป็นชาย อายุ 75 ปี ชาว ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา มีโรคประจำตัวและยังไม่ได้รับวัคซีน นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคลัสเตอร์ที่ยังต้องเฝ้าระวัง แต่ที่น่าห่วงคือคลัสเตอร์โรงพยาบาลบ้านเหลื่อม อ.บ้านเหลื่อม ที่เจ้าหน้าที่ รพ. บุคลากรที่ร่วมประชุมใน รพ. และเจ้าหน้าที่โรงครัว ตรวจยืนยันติดเชื้อแล้ว 15 คน ตรวจ ATK เป็นบวก 4 คน ทำให้ต้องเร่งตรวจค้นหาเชิงรุกในผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้มาใช้บริการ ส่วนที่หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลของ รพ.มหาราชนครราชสีมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา โคราช นพ.เจษฏ์ บุญยวงษ์วิโรจน์ ผู้ช่วย ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ ยังให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกกลุ่ม

ติดเชื้อจากรวมกลุ่มกิจกรรม

สำหรับ จ.ร้อยเอ็ด พบผู้ติดเชื้ออีก 92 คน พบมากสุดใน อ.เมืองร้อยเอ็ด 39 คน และมีคลัสเตอร์ต้องเฝ้าระวังหลายจุด ทั้งคลัสเตอร์งานศพที่ ต.ขอนแก่น คลัสเตอร์แม่ค้าตลาดสด ต.ธงธานี ตามด้วย อ.โพนทอง 16 คน ในจำนวนนี้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 1 คน และมีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวัง คือการทำกิจกรรมรวมกลุ่มใน ต.สระแก้ว ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 14 คน ขณะที่ จ.พะเยา ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 18 คน ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในครอบครัว ที่ทำงาน โรงเรียนและชุมชน อยู่ในอำเภอดอกคำใต้ 7 คน อำเภอเมืองพะเยา 3 คน อำเภอเชียงคำ 3 คน อำเภอแม่ใจ 2 คน อำเภอปง 2 คน และติดเชื้อจาก จ.เชียงใหม่ 1 คน

คลัสเตอร์ ร.ร.ผุดบึงสามพัน

ขณะที่ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ พบการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในสถานศึกษา เริ่มจากการตรวจเชิงรุกในพื้นที่แล้วพบติดเชื้อ 1 คน สอบสวนโรคผู้ติดเชื้อเป็นนักเรียนที่โรงเรียนบ้านราหุล จากนั้นสาธารณสุขอำเภอบึงสามพัน เข้าตรวจเชิงรุกเด็กนักเรียนและครูด้วยชุดตรวจ ATK จำนวน 310 คน พบติดเชื้อ 37 คน แบ่งเป็นนักเรียนชั้นอนุบาล 3 จำนวน 2 คน นักเรียนชั้นประถม 22 คน นักเรียนชั้นมัธยมต้น 12 คนและครูผู้สอน 1 คน โรงเรียนได้ใช้อาคารเรียนเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อใช้ในการรักษาตัวผู้ติดเชื้อทั้งหมด พร้อมสั่งหยุดเรียนเป็นการชั่วคราว ส่วนเด็กนักเรียนที่เหลือที่ไม่พบการติดเชื้อ ให้กักตัวอยู่ที่บ้าน และให้เรียนหนังสือในระบบออนไลน์ นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังขอเชิญชวนร่วมบริจาคขนม ของเล่น ของใช้ น้ำดื่ม อาหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเด็กนักเรียนที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนามโรงเรียนบ้านราหุล โทร.สอบถามการบริจาค 08-8578-8197 ผอ.ร.ร.บ้านราหุล 08-4622-0483 ครูทัศนี

BA.1 ครองโลก–จับตา BA.2

ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานอ้างฐานข้อมูลกลางโควิดโลก (GISAID) ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศต่างๆทั่วโลกขณะนี้ เป็นการติดเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนสายย่อย BA.1 สูงถึงร้อยละ 98.8 และในบรรดากลุ่มเชื้อโอมิครอนทั้งหลาย ไม่ว่าตัวดั้งเดิม B.1.1.529 หรือ BA.2 และ BA.3 นั้น ตัวที่ถือว่ากำลังลุกลามไม่แพ้กันคือโอมิครอน BA.2 ที่มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในเดนมาร์ก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 82 ทั้งเริ่มติดต่อกันมากขึ้นในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9 และ 8 ตามลำดับ ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า BA.2 ติดต่อกันง่ายกว่า BA.1 ประมาณ 1.5 เท่า และมีความเป็นไปได้ด้วยว่าถึงจะผ่านการติดเชื้อ BA.1 มาแล้ว ก็ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ BA.2 ได้ ดูจากสถานการณ์ในเดนมาร์ก ที่ชุมชนหลายพื้นที่มีการแพร่ระบาดของ BA.1 ไปก่อน แล้วตามมาด้วยการระบาดของ BA.2