เปิดประเทศ 7 วัน พบเชื้อนักท่องเที่ยว 15 คน โควิดคร่าปู่คาโรงพยาบาลติดจากญาติคนไข้

โควิดไทยส่อแววดี ติดเชื้อรายใหม่ทรงตัว ป่วยตายลดลง ขณะที่การเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่กักตัวครบ 7 วัน ยังเอาอยู่ ตรวจเจอนักท่องเที่ยวติดเชื้อแค่ราว 15 ราย แต่น่าห่วงแรงงานต่างด้าวดาหน้าลอบเข้าไทยอื้อ อธิบดีกรมควบคุมโรคหวั่นซ้ำรอยปีกลายที่ระบาดหนักจากตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่ ทั้ง กทม.-สมุทรสาคร-เชียงใหม่ วอนผู้ประกอบการต้องเข้มงวด ใช้แรงงานถูกกฎหมาย ป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นมาอีก

คนไทยทยอยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติกันมากขึ้น ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19) หลังรัฐบาลประกาศผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมต่างๆรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาครบสัปดาห์

ติดเชื้อใหม่-ตายลดลงอีก

ที่ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,960 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 7,522 คน มาจากเรือนจำ 427 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 คน คือ ชายชาวอินเดีย มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 คน เข้ามาในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ชายชาวจีนมาจากประเทศรัสเซีย 1 คน เข้ามาในโครงการชลบุรีแซนด์บ็อกซ์ ชายชาวอเมริกัน มาจากสหรัฐอเมริกา 1 คน เข้ามาในโครงการ Test& Go สมุทรปราการ ที่เหลือมาทางด่านพรมแดนทางบก 2 คน เป็นชายและหญิงไทย มาจากประเทศกัมพูชา และชาวเมียนมามาจากประเทศเมียนมา ทางช่องทางธรรมชาติ 6 คน ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มขึ้น 6,950 คน อยู่ระหว่างรักษา 98,367 คน อาการหนัก 2,048 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 449 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 53 คน เป็นชาย 26 คน หญิง 27 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 44 คน คิดเป็นร้อยละ 83 มีโรคเรื้อรัง 7 คน คิดเป็นร้อยละ 13 และไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 2 คน คิดเป็นร้อยละ 4 โดยผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม.6 คน

5 จว.ใต้ติดโควิดกระจาย

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 7 พ.ย.พบว่า เป็นจังหวัดในภาคใต้มากถึง 5 จังหวัด โดยเรียงลำดับจากมากที่สุด ได้แก่ กทม.736 คน เชียงใหม่ 482 คน สงขลา 417 คน ปัตตานี 408 คน นครศรีธรรมราช 392 คน นราธิวาส 348 คน ยะลา 344 คน ชลบุรี 249 คน สมุทรปราการ 216 คน และประจวบคีรีขันธ์ 204 คน ทั้งนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,967,999 คน ยอดหายป่วยสะสม 1,849,968 คน และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 19,664 คน

ฉีดวัคซีนทะลุ 80 ล้านโดส

ส่วนยอดฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ได้เพิ่ม 703,581 โดส ทำให้มียอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. รวมทั้งสิ้น 80,221,553 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 43,914,118 ราย คิดเป็นร้อยละ 61.0 ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 33,719,280 ราย คิดเป็นร้อยละ 46.8 และเข็มที่ 3 จำนวน 2,588,155 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.6

7 วัน นทท.ต่างชาติติดเชื้อ 15 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย รวมถึงการจัดนำร่อง 17 พื้นที่ท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1-7 พ.ย.2564 จากข้อมูล ศบค.มีนักท่องเที่ยวต่างชาติตรวจพบติดเชื้อโรคโควิด-19 แทบทุกวัน รวมแล้ว 15 ราย โดยวันที่ 3 พ.ย.พบในโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ มาจากสหราชอาณาจักร 1 ราย วันที่ 4 พ.ย.ในโครงการภูเก็ตฯ 3 ราย มาจากประเทศรัสเซียทั้งหมด วันที่ 5 พ.ย.โครงการภูเก็ตฯ 6 ราย แบ่งเป็นมาจากสหราชอาณาจักร 2 ราย ออสเตรเลีย 1 ราย รัสเซีย 2 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย วันที่ 6 พ.ย. โครงการภูเก็ตฯ 2 ราย มาจากฝรั่งเศส Test& Go ภูเก็ต มาจากสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย และวันที่ 7 พ.ย. มี 3 ราย แบ่งเป็นโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ชลบุรี แซนด์บ็อกซ์ 1 ราย และ Test&Go สมุทรปราการ แห่งละ 1 ราย

นายกฯขอบคุณเปิด ปท.คึกคัก

ต่อมานายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ติดตาม ผลการเปิดประเทศและขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-5 พ.ย. มีนักท่องเที่ยวเข้าไทย ทั้งแบบยกเว้นการกักตัว (Test and Go) พื้นที่นำร่อง ท่องเที่ยว (Sandbox Programme) และการกักตัว ณ สถานกักกัน (Alternative Quarantine) รวม 16,595 คน ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนเปิดประเทศด้วยระบบ Thailand Pass ณ วันที่ 6 พ.ย. มีผู้ลงทะเบียนขอเดินทางมา 90,165 คน รับอนุมัติแล้ว 33,788 คน และฝากเตือนขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพสร้างเว็บไซต์ www.thailandpass.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ปลอม ทั้งนี้ การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) คาด 2 เดือนสุดท้ายของปี เดือน พ.ย.-ธ.ค. จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 300,000 คน รวมนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อนหน้านี้ตลอดปีนี้อยู่ที่ประมาณ 700,000 คน

ไทยเที่ยวไทยครึกครื้นไม่แพ้กัน

นายธนกรกล่าวอีกว่า ส่วนโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ตอนนี้ยอดนักท่องเที่ยวสะสมอยู่ที่ 65,661 คน มียอดการจองโรงแรมที่ได้เครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย SHA Plus ตลอดไตรมาส 3 (ก.ค.64-ก.พ.65) 951,710 คืน มีเที่ยวบินเข้ามาต่อเนื่องทุกวัน นอกจากนั้น คนไทยที่เที่ยวในประเทศก็คึกคักไม่แพ้กัน โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดียอดเฟส 1-3 กว่า 8.9 ล้านคน มูลค่าสะสมรวมกว่า 3,266.8 ล้านบาท ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทย ยอดรวมมูลค่าการเดินทางและค่าใช้จ่ายสะสม 1.4 ล้านบาท ข้อมูล ณ วันที่ 4 พ.ย.64 ประชาชนจองแพ็กเกจทัวร์ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรงและ ใช้สิทธิทั้ง 2 โครงการได้ถึง 31 ม.ค.65 เชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจปลายปีคึกคักมากขึ้น

แก้ระบบ Thailand Pass เร็วขึ้น

นายธนกรกล่าวต่อว่า นายกฯรับทราบปัญหาผู้ลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass บางรายไม่ได้รับ QR Code หรือล่าช้า ได้สั่งการให้เร่งปรับปรุงระบบ ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กรมควบคุมโรค ร่วมกันเพิ่มประสิทธิภาพระบบให้สามารถบริการผู้เดินทางได้สะดวกขึ้น ได้แก่ พัฒนาให้ผู้ยื่นคำร้องสามารถยื่นเอกสารในรูปแบบ pdf file ด้วย ทำ drop down list ให้เลือกโรงแรมที่ผูกกับโรงพยาบาล เพิ่มฟังก์ชันให้ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำ รวมทั้งกำลังเร่งประสานงานเพิ่มรายชื่อประเทศที่สามารถอ่าน digital vaccine certificate แบบอัตโนมัติให้ได้มากขึ้นจากที่มีอยู่ 30 ประเทศ เพื่อลดภาระเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร จากเดิมกำหนดให้รอผลตรวจสอบใบวัคซีน 7 วัน ปัจจุบันให้ลดเหลือ 3 วันแล้ว สำหรับผู้ที่จำเป็นเร่งด่วนต้องเดินทางติดต่อสถานทูตไทยได้ทุกแห่ง หรือแจ้งปัญหามาที่ call center กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หมายเลข 0-2575-8442 และมีเจ้าหน้าที่ตอบคำถามในเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์

บขส.ลดค่าตั๋วให้คนฉีด 2 เข็ม

ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า จากที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้นโยบายหน่วยงานสังกัดหาแนวทางช่วยลดค่าใช่จ่ายแก้ประชาชน ล่าสุด บขส.ได้ขยายเวลาโครงการ “บขส.วิถีใหม่ห่างไกล Covid-19 ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ลด 20%” จนถึงวันที่ 30 พ.ย.64 โดย บขส.จะให้ส่วนลด 20% สำหรับค่าโดยสาร (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ให้กับผู้ใช้บริการที่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบ 2 เข็ม และเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง โดยผู้ใช้บริการสามารถชำระค่าโดยสาร บขส.ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส.ทั่วประเทศ แต่สิทธิดังกล่าวไม่สามารถใช้กับการจองตั๋วล่วงหน้าได้

ห่วงต่างด้าวลอบเข้าเมืองอื้อ

วันเดียวกัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกรณีขณะนี้พบแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองเป็นจำนวน มากว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลเพราะเป็นปัจจัยทำให้ เกิดการระบาดในหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในตลาด ซึ่งเริ่มต้นที่แรงงานต่างด้าวก่อน ไม่ว่าจะเป็นตลาดใน กทม. จ.สมุทรสาคร และล่าสุดที่ จ.เชียงใหม่ และแน่นอนว่าประเทศไทยยังมีความจำเป็นในการใช้แรงงานต่างด้าว แต่ขอให้เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย และหากเข้ามาแล้ว ขอให้มีระบบการลงทะเบียนติดตามได้ว่าอยู่ที่ไหน ฉีดวัคซีนหรือยัง ซึ่งได้มอบหมายให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเข้าไปดูแล้ว เราจะต้องควบคุมตรงนี้ให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นมาอีก แต่นายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการต้องเข้มงวด เชื่อว่าแรงงานทุกคนก็ยินดีจะปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนด

ย้ำไทยจัดฉีดวัคซีนให้หมด

ต่อข้อถามถึงกรณี กระทรวงแรงงานมีข้อเสนอให้แบ่งกลุ่มแรงงานต่างด้าวออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม กลุ่มที่ 2 ได้รับวัคซีน 1 เข็ม และกลุ่มที่ 3 ยังไม่ได้รับวัคซีน เมื่อนำเข้าแรงงาน กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีการกักตัวลดหลั่นกันอย่างไร นพ.โอภาสกล่าวว่า การกักตัวจะเป็นไปตามมาตรฐานของการกักตัวว่าเข้ามาแบบไหน หากเข้ามาทางบก และฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว กักตัว 7 วัน หรือ 10 วัน ส่วนกรณีเข้ามาแล้ว ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน รัฐบาลมีนโยบายว่าจะฉีดให้หมด

ศูนย์ฉีดวัคซีนบางซื่อเปิดถึงสิ้นปี

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง และผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ที่ก่อนหน้านี้วางแผนจะปิดให้บริการฉีดวัคซีนในเดือนพฤศจิกายนนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถปิดได้ เนื่องจากต้องเปิดให้บริการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์โดส เข็มที่ 3 และเก็บตกเข็มที่ 2 เพิ่มเติม รวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้นของผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม และเก็บตกสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนเลย โดยจะเปิดฉีดเป็นสูตรเข็มแรกแอสตราเซเนกา และเข็ม 2 เป็นไฟเซอร์ จะเปิดให้บริการยาวไปจนถึงวันที่ 28 ธ.ค.ปีนี้ ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อได้ให้บริการฉีดวัคซีนไปแล้ว 2,750,000 โดส จากเดิมที่คิดว่าจะปิดในเดือนนี้ แล้วไปเปิดอีกทีเดือนกุมภาพันธ์ จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นเปิดยาว เพราะต้องฉีดให้ประชาชนเพิ่มอีก ซึ่งจะเปิดถึงสิ้นปีนี้ แล้วหยุดปีใหม่ประมาณ 7 วัน เปิดอีกทีเดือนมกราคม เพราะต้องฉีดบูสเตอร์โดส ให้แก่คนที่ได้รับแอสตราฯ 2 เข็มในช่วงเดือน พ.ค.- มิ.ย. เพราะครบ 6 เดือนพอดี ปัจจุบันมีประชาชนมาเข้ารับบริการวัคซีนที่ศูนย์เฉลี่ย 25,000 รายต่อวัน แต่ในช่วงที่เก็บตกอาจจะเหลือแค่ 10,000 รายต่อวัน

ยะลาตายรายวันอีก 5 ศพ

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ใน 5 จังหวัดภาคใต้ที่ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก โดย จ.ยะลา วันที่ 7 พ.ย.ผู้ป่วยใหม่ 344 คน พบมากใน อ.เมือง 109 คน อ.เบตง 77 คน อ.ยะหา 64 คน มีผู้เสียชีวิตอีก 5 ศพ นอกจากนี้ รพ.ยะลา เปิดวอล์กอินฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ยี่ห้อไฟเซอร์ สำหรับบุคคลที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์ม เข็มที่ 2 ก่อนวันที่ 13 ส.ค.64 โดยจะฉีดในวันที่ 7, 8, 9, 12 พ.ย.นี้ ถ้าคิวเต็มในวันที่วอล์กอินจะนัดหมายวันถัดไป โดยจะให้บริการที่อาคารศรีนิบง ศูนย์เยาวชน เทศบาลนครยะลา หรือ รพ.สต. และหน่วยบริการวัคซีนใกล้บ้าน ทั้งนี้ ให้เตรียมหลักฐานคือใบรับรองการฉีดวัคซีนไปแสดงด้วย

ระดมตรวจเชิงรุก ตร.ชุมแพ

ส่วนที่ สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น นายชูชาติ กางกันยา หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคและอนามัยสิ่งแวดล้อม รพ.ชุมแพ นำ จนท.สาธารณสุขเข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ให้กับตำรวจกลุ่มเสี่ยงในสังกัด สภ.ชุมแพ หลังจากศูนย์ระบาดวิทยา รพ.ชุมแพ รายงานว่า เมื่อเย็นวันที่ 6 พ.ย.พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายหนึ่ง เป็นตำรวจในสังกัด สภ.ชุมแพ นายชูชาติกล่าวว่า จากการสอบสวนโรคทราบว่าผู้ป่วยรายนี้เดินทางไปร่วมงานศพที่ จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2564 โดยมีผู้บังคับ บัญชาร่วมเดินทางไปด้วย 1 นาย หลังกลับจาก จ.พิจิตร มีอาการป่วยมีไข้ได้เข้ารับการตรวจที่ รพ.ชุมแพ และผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก ส่วนผู้บังคับบัญชาที่ร่วมเดินทางไปด้วยผลการตรวจเป็นลบ อย่างไรก็ตาม รพ.ชุมแพได้นัดให้มีการตรวจซ้ำเพื่อความแน่ใจในการวินิจฉัยโรค ซึ่งผลการตรวจในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นตำรวจจราจร พบว่าผลตรวจเป็นลบทั้งหมด

เฒ่าดับหลังติดเชื้อจากญาติคนไข้

ขณะที่ จ.แพร่ เกิดเรื่องสุดเศร้า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ย. เจ้าหน้าที่สมาคมอาสาสมัครกู้ภัยจังหวัดแพร่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดให้ช่วยนำร่างผู้เสียชีวิตรายที่ 10 ของจังหวัดแพร่ เป็นชายอายุ 75 ปี อยู่ใน อ.เมืองแพร่ มาประกอบพิธีทางศาสนายังฌาปนสถานประตูมาร เทศบาลเมืองแพร่ ท่ามกลางคณะบุตรหลาน และญาติๆของผู้เสียชีวิตร่วมพิธีด้วยความเสียใจ ลูกสาวผู้เสียชีวิตกล่าวว่า บิดาเข้ารักษาตัวใน รพ.แพร่ จากภาวะซีดและรักษาจนอาการดีขึ้น ได้มาพักฟื้นหอผู้ป่วย ต่อมาในวันที่ 4 พ.ย. มีญาติผู้ป่วยเตียงใกล้กันติดเชื้อโควิด-19 ทางโรงพยาบาลจึงตรวจเชิงรุกด้วย ATK ยืนยันติดเชื้อ 2 ราย ผลของพ่อตนเป็นลบ ส่งตรวจ RT-PCR ผลออกตอนเช้าวันที่ 5 พ.ย. ว่าติดเชื้อ จึงเข้ารับการรักษาทันที และเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ สิ่งที่อยากจะฝากญาติคนไข้คือ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการติดเชื้อ ญาติคนไข้ที่อยู่ใกล้ตัว หรืออยู่ต่างจังหวัด ควรงดเยี่ยมไปก่อน เพราะไม่มีใครทราบว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่ หากอยากจะมาเยี่ยมควรเป็นแบบออนไลน์ไปก่อน หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก มีแต่การสูญเสีย

ฉีดวัคซีนก็ติดเชื้อได้

ส่วนที่ริมกว๊านพะเยา ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา คณะแพทย์พยาบาล รพ.พะเยา ร่วมกับเทศบาลเมืองพะเยา ตั้งจุดตรวจคัดกรองเชิงรุก covid-19 ให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมจังหวัด ณ วันที่ 6 พ.ย. ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 คน ในจำนวนนี้ 3 คน อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองพะเยา และส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม

คลัสเตอร์ชุมชนใน อ.อู่ทองพุ่ง

สำหรับ จ.สุพรรณบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 55 คน ในจำนวนนี้มีถึง 38 คน เชื่อมโยงกับการระบาดเป็นกลุ่มก้อนหรือคลัสเตอร์ผู้ป่วยชุมชนหมู่ 13 ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง ส่งให้ยอดสะสมคลัสเตอร์ชุมชน หมู่ 13 ขึ้นไปถึง 61 คน ใน 2 วัน ด้านสาธารณสุขได้เข้าตรวจเชิงรุก พร้อมกับเฝ้าระวังชุมชนนี้ และชุมชนที่อยู่ติดกันอย่างใกล้ชิด

สหรัฐฯเริ่มต้อนรับนักเดินทาง

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก เมื่อวันที่ 7 พ.ย.พบยอดผู้ติดเชื้อในรอบ 24 ชั่วโมงเพิ่มขึ้นกว่า 4.15 แสนคน เสียชีวิตเพิ่มอีก 6.3 พันคน มียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 250.27 ล้านคน รักษาหายสะสมกว่า 226.54 ล้านคน และเสียชีวิตสะสมกว่า 5 ล้านคน ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดรับนักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดส และแสดงผลตรวจเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนบิน เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัวแล้ว ในวันที่ 8 พ.ย. โดยประเทศที่ได้รับอนุญาตมีทั้งหมด 33 ประเทศ ได้แก่ บราซิล จีน อินเดีย สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ อิหร่าน แอฟริกาใต้ และอีก 26 ประเทศกลุ่มเชงเกน สหภาพยุโรป ขณะที่รัฐบาลออสเตรเลีย ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ในวันที่ 8 พ.ย.เช่นเดียวกัน โดยอนุญาตให้ผู้ฉีดวัคซีนครบโดส พบปะสังสรรค์ในที่สาธารณะแบบไม่จำกัดจำนวนคน หลังอัตราการฉีดวัคซีนครบสองโดสแก่ประชากรในเมืองเพิ่มเป็นเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์