ไทยพร้อมเต็มที่ในการเปิด 17 พื้นที่นำร่อง ตามแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันยังแกว่ง ล่าสุดเขยิบไปกว่า 9.2 พันคน ยังหนักทางใต้ตายอีก 88 ศพ แต่ตะลุยฉีดวัคซีนได้เพิ่มอีกรวมสะสม 74.69 ล้านโดส ด้าน “อนุทิน” บุกเชียงใหม่ หลังติดเชื้อยังสูง พร้อมเทวัคซีนให้อีก 7 แสนโดส โวมั่นใจเอาอยู่ ขณะที่ กทม.ประกาศแล้วหลายกิจการ/กิจกรรม เปิดได้ รวมถึงก๊งเหล้าในร้านอาหารแต่ต้องไม่เกินสามทุ่ม ส่วนโรงแรม-ห้องจัดเลี้ยง ยังห้าม ด้านสถานบันเทิงทั้งผับ อาบอบนวด สนามม้า ยังแห้วปิดต่อ ส่วนผู้ประกอบการท่องเที่ยวพัทยาโวยคำสั่ง ศบค.ให้ดื่มเหล้าได้แค่ 4 จังหวัด กลับห้ามอีก 13 จังหวัด รวมถึงชลบุรี

ไทยเริ่มแล้วกับการเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นต้นไป เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 45 ประเทศ และ 1 เขตปกครองพิเศษฮ่องกงเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีผู้ติดเชื้อเฉียดหลักหมื่นคนต่อวัน และผู้ป่วยเสียชีวิตต่อเนื่องทุกวัน

...

ติดเชื้อใหม่–ตายยังแกว่ง

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,224 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,091 คน จากเรือนจำและที่ต้องขัง 126 คน และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 7 คน แยกเป็นจากประเทศอุซเบกิสถาน 1 คน เป็นหญิงอุซเบกเข้ามาในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จากสิงคโปร์ 1 คน เป็นหญิงจีน เข้ามาในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จากเกาหลี ใต้ 1 คน เป็นหญิงไทย จากตุรกี 1 คน เป็นชายตุรกี จากเมียนมา 3 คน เป็นคนไทย 2 คน เมียนมา 1 คน มาจากช่องทางธรรมชาติ ส่วนผู้รักษาหายป่วยเพิ่ม 8,305 คน อยู่ระหว่างการรักษา 100,132 คน อาการหนัก 2,217 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 496 คน เสียชีวิตเพิ่ม 88 คน เป็นชาย 38 คน หญิง 50 คน เป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 61 คน มีโรคเรื้อรัง 20 คน ผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ กทม. 13 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,903,165 คน ยอดรวมหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 1,783,875 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 63 จำนวน 19,158 คน

ฉีดวัคซีนเพิ่ม 1 ล้านโดสเศษ

ขณะที่การฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 29 ต.ค. เพิ่มขึ้น 1,002,392 โดส ฉีดสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 74,694,431 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 41,924,824 ราย คิดเป็นร้อยละ 58.2 ของประชากร เข็มที่ 2 จำนวน 20,109,329 ราย คิดเป็นร้อยละ 42.2 ของประชากร และเข็มที่ 3 จำนวน 2,360,278 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.3 ของประชากร สำหรับจังหวัดผู้ติดเชื้อมากที่สุด 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. 758 คน ปัตตานี 666 คน นครศรีธรรมราช 554 คน สงขลา 548 คน ยะลา 425 คน เชียงใหม่ 414 คน ชลบุรี 340 คน นราธิวาส 290 คน ตาก 281 คน ประจวบคีรีขันธ์ 281 คน ขณะที่ จ.อำนาจเจริญ ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่สอง

มั่นใจระบบ สธ.พร้อมรับเปิด ปท.

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกฯมอบหมายทุกภาคส่วนราชการจัดเตรียมมาตรการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ หลังเปิดประเทศอย่างปลอดภัย 1 พ.ย. ทาง สธ.จัดทำข้อกำหนดการดำเนินงาน เพื่อเป็นเครื่องมือกำกับดูแลกิจการประเมิน ติดตามและเฝ้าระวังสถานประกอบการต่างๆ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือส่วนที่ 1 ให้สถานประกอบการลงทะเบียน ประเมินตนเองบนระบบ Thai Stop COVID Plus เพื่อยกระดับตามมาตรการ COVID Free Setting ส่วนที่ 2 ประชาชนสามารถประเมิน แนะนำ ติชม ร้องเรียน สถานประกอบการในพื้นที่ COVID Free Area/Zone ผ่านช่องทางต่างๆได้และส่วนที่ 3 จัดตั้งคณะกรรมการ ร่วมตรวจ กำกับ COVID Free Area/Zone ภาครัฐและภาคประชาชน ตรวจประเมินทุก 2 สัปดาห์ กำกับมาตรการตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เมื่อเปิดประเทศแล้วคณะกรรมการบูรณาการจากทุกภาคส่วนจะตรวจสอบและประเมินทุก 2 สัปดาห์ แต่ละหน่วยจะจัดทำแผนเผชิญเหตุและความพร้อมทรัพยากร นายกฯมั่นใจระบบสาธารณสุขไทยต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัย เตรียมมาตรการรองรับป้องกันตนเองหลังเปิดประเทศ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลมีมาตรการรองรับและระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็ง

คุมเข้มโควิดงานลอยกระทง

ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้อนุมัติให้หน่วยงานสามารถจัดงานประเพณีลอยกระทง พ.ศ.2564 เพื่ออนุรักษ์ สืบสานและส่งเสริมประเพณีลอยกระทงที่ทรงคุณค่า โดยอาศัยหลัก COVID-Free Setting (มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร) และ Universal Prevention (การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล) มีแนวทางและมาตรการรณรงค์ในการจัดงานประเพณีลอยกระทง โดยขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยและบังคับใช้อย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามปล่อยโคมลอย งดเล่นดอกไม้ไฟ พลุ ประทัด และรณรงค์ลอยกระทงปลอดเหล้า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวกับการจราจรทั้งทางบกและทางน้ำ ตรวจสอบความเรียบร้อยของยานพาหนะที่จะใช้รับส่งประชาชนในช่วงประเพณีลอยกระทง และขอความร่วมมือผู้จัดงานเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยการควบคุมผู้ร่วมงานไม่ให้แออัด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และขอให้ทุกสถานที่ที่จัดงานต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิ จัดให้มีจุดลงทะเบียน “ไทยชนะ” ก่อนเข้าออก และต้องตรวจความพร้อมมาตรการของสถานที่นั้นๆก่อนถึงวันงาน 1 สัปดาห์ หากพบว่าไม่มีความพร้อมจะระงับไม่ให้จัดงาน

...

ประกาศคงเคอร์ฟิว 7 จว.

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 37 มีเนื้อตามที่มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 29 ต.ค. โดยมีสาระสำคัญ อาทิ การห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 7 จังหวัด ประกอบด้วย จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา สำหรับการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยภายในเขตพื้นที่จังหวัดและการกำหนด มาตรการเพิ่มเติมของแต่ละจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. หรือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี เสนอต่อ ศปก.ศบค. เพื่อตรวจสอบ และนำเสนอให้นายกฯพิจารณา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ต.ค.2564

กทม.ออกมาตรการผ่อนคลาย

ส่วนที่ศาลาว่าการ กทม. การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครครั้งที่ 31/2564 ได้มีมติเห็นชอบประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 45) ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีคำสั่งกำหนดให้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และมีการกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม คณะกรรมการฯจึงเห็นชอบให้มีมาตรการผ่อนคลายสถานที่ให้สามารถเปิดดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด และมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบ จักรวาล (Universal Prevention) โดยเคร่งครัด รวมทั้งต้องมีมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.64 หรือ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ก๊งเหล้าในร้านอาหารไม่เกิน 3 ทุ่ม

...

สำหรับสถานที่ที่สามารถเปิดได้ประกอบด้วย สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์เด็กพิเศษ ให้สำนักอนามัย กทม. พิจารณาเปิดตามความเหมาะสม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (ผู้รับบริการและเจ้าหน้าที่ได้รับวัคซีนครบ และสุ่มตรวจเจ้าหน้าที่ทุกสัปดาห์) ร้านอาหาร/เครื่องดื่มทั่วไป เปิดให้บริการตามเวลาปกติ แต่อนุญาตให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เฉพาะร้านที่ผ่านมาตรฐาน SHA ของ ททท. และไม่เกินเวลา 21.00 น. ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด เปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ทุกประเภทเปิดได้ ผู้ใช้บริการงดบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่ม และงดการจัดกิจกรรม โรงภาพยนตร์ เปิดได้โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 75 ของจำนวนที่นั่ง

ผู้ชมกีฬาต้องได้วัคซีนครบ

สถานเสริมความงาม ร้านเสริมสวย ทำเล็บ ร้านสัก เปิดให้บริการผ่านการนัดหมาย (ร้านสัก เฉพาะผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจ RT-PCR หรือผล ATK ในระยะเวลา 72 ชม.) สปา นวดแผนไทย ให้บริการเฉพาะนัดหมาย (เฉพาะการให้บริการประเภทใช้น้ำ ผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจ RT-PCR หรือผล ATK ในระยะเวลา 72 ชม.) สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬา สระน้ำ กิจกรรมทางน้ำ เปิดได้ ยิม/ฟิตเนสปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด หากมีการอบตัวหรืออบไอน้ำ ผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจ RT-PCR หรือผล ATK ในระยะเวลา 72 ชม.) การใช้สนามกีฬาเพื่อการแข่งขัน ผู้เข้าชมต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจ RT-PCR หรือผล ATK ในระยะเวลา 72 ชม.

...

ห้ามดริงก์ในโรงแรม—ห้องจัดเลี้ยง

โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม เปิดได้โดยห้ามบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จัดให้มีช่วงเวลาพักระบายอากาศ เตรียมอาหารแบบแยกเป็นชุด ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้ตามปกติ แต่งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความแออัด โรงมหรสพ โรงละคร ต้องแจ้งขอเปิดดำเนินการต่อสำนักอนามัย กทม. โรงเรียนสอนมวยศิลปะการต่อสู้ (ยิม) สถาบันลีลาศ ต้องแจ้งขอเปิดดำเนินการต่อสำนักอนามัย กทม. สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก ศูนย์พระเครื่อง สนามพระเครื่อง สวนสัตว์ สถานที่จัดแสดงสัตว์ เปิดได้ สถานที่ให้บริการห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง เปิดได้โดยห้ามบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จัดให้มีช่วงเวลาพักระบายอากาศ เตรียมอาหารแบบแยกเป็นชุด สนามเด็กเล่น เครื่องเล่น ให้สำนักงานเขตพื้นที่พิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสม

กลุ่มสถานบันเทิงปิดต่อไป

สำหรับสถานที่/กิจการที่สามารถเปิดได้ภายใต้มาตรการที่ทางราชการกำหนดและมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Pre vention) โดยเคร่งครัด รวมทั้งต้องมีมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) มีดังนี้ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อบไอน้ำ อบสมุนไพร (ผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบ หรือมีผลตรวจ RT-PCR หรือผล ATK ในระยะเวลา 72 ชม.) สวนน้ำ สวนสนุก ส่วนสถานที่ยังคงให้ปิดดำเนินการ ได้แก่ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ร้านเกมร้านอินเตอร์เน็ต ตู้เกม สนาม ชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ สนามชนโค สนามกัดปลา และสนามม้า รวมทั้งห้ามการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มบุคคลเกิน 1,000 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสำนักอนามัย กทม.

เขตลาดพร้าวติดเชื้อสูงสุด

วันเดียวกัน สำนักอนามัย กทม.เปิดเผยจำนวนผู้ป่วยรายเขตที่มีที่อยู่ในพื้นที่ กทม.ประจำวันที่ 30 ต.ค. รวม 50 เขต มีผู้ติดเชื้อ 758 คน เสียชีวิต 13 ศพ ส่วน 10 อันดับเขตที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดได้แก่ 1.ลาดพร้าว 65 คน 2.บางบอน 51 คน 3.บางซื่อ 30 คน 4.สายไหม 29 คน 5.บึงกุ่ม 28 คน 6.ราษฎร์บูรณะ 28 คน 7.คลองสามวา 26 คน 8.บางพลัด 25 คน 9.มีนบุรี 22 คน และ 10.คลองเตย 18 คน

เร่งฉีดวัคซีนรับเปิดท่องเที่ยว

สำหรับในส่วนภูมิภาค ตลอดวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ทุกจังหวัดต่างเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประชาชนทุกกลุ่ม โดยคนที่ฉีดเข็มแรกจะได้เป็นสูตรไขว้คือซิโนแวคและแอสตราเซเนกา หากเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 จะได้แอสตราฯ เป็นหลัก รวมถึงวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนำเงินไปจัดซื้อจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ขณะที่กลุ่มนักเรียน อายุ 12-17 ปี จะได้ฉีดไฟเซอร์เป็นหลัก เพื่อรับการเปิดประเทศและการเปิดเรียนเทอมที่ 2 ของปีการศึกษา 2564 โดยที่หน่วยบริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายพื้นที่ของ จ.ขอนแก่น ยังคงให้บริการวัคซีนตามที่รัฐจัดสรร เช่นเดียวกับ จ.หนองคาย ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 40 คน มีประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็ม 1 ร้อยละ 46.48 เข็ม 2 ร้อยละ 34.22 และเข็ม 3 ร้อยละ 1.43 ส่วน ที่โรงเรียนชุมชนแก้งคำ ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาล รพ.สหัสขันธ์ ออกหน่วยบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้ นางสาวแววตากล่าวว่า อำเภอสหัสขันธ์วางเป้าจะเปิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัย FREE Covid ที่ขณะนี้ได้เร่งฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าหมาย ร้อยละ 80 เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวหลักใน อ.สหัสขันธ์ ทั้งพิพิธภัณฑ์สิรินธร ที่จะเปิดให้เข้าชมได้ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ วัดพุทธาวาสภูสิงห์ วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) และแหลมโนนวิเศษ-สะพานเทพสุดา

แจกข้าวสารคนฉีดเข็มแรก

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ภาคใต้ยังคงน่าห่วง โดย จ.ยะลา ที่ติดกลุ่มท็อปเทนผู้ติดเชื้อสูงสุด ด้วยยอดติดเชื้อ ณ วันที่ 30 ต.ค.จำนวน 425 คน ตายเพิ่ม 2 ศพ ขณะที่นายภิรมย์ นิลทยา ผวจ.ยะลา เปิดเผยหลังเดินทางไปที่หน่วยฉีดวัคซีน อบต.บือมัง อ.รามัน พบปะประชาชนที่เดินทางมาฉีดวัคซีนและนำคณะเข้าไปฉีดวัคซีนที่บ้านของนายสะมะแอ โมงสะอะ อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง กลุ่ม 608 ว่าชาวบ้านดีใจมากที่เจ้าหน้าที่มาบริการถึงบ้าน พร้อมทั้งมอบข้าวสารโครงการรักยะลาให้กับประชาชนที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ด้านนายธราวุธ ช่วยเกิด นอภ.เมืองยะลา เดินทางไปให้กำลังใจพร้อมมอบข้าวสารแก่ผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกที่หมู่ 2 ต.เปาะเส้ง พร้อมเปิดเผยว่า เป็นนโยบายของนายภิรมย์ นิลทยา ผวจ.ยะลา ต้องการให้อำเภอเร่งรัด รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจให้ประชาชนเข้ามาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อยกระดับความพร้อมรองรับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.และตั้งเป้าร้อยละ 70 ทั้งจังหวัดยะลา

นราธิวาสยังไม่เรียนออนไซต์

ส่วนที่ จ.นราธิวาส พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 295 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ศพ ทำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสและสาธารณสุขอำเภอ พร้อมด้วยอสม.เข้ามาตรวจเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK ประชาชน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ในตลาดสด เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส พร้อมกับเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้เป็นไปตามเป้าร้อยละ 70 เช่นกัน รวมถึงการฉีดวัคซีนให้นักเรียนร้อยละ 80 คณะครูร้อยละ 100 จึงจะสามารถเปิดการเรียนการสอนในแบบออนไซต์ได้

ผู้ป่วยตัดพ้อไม่ได้รับการดูแล

ที่ จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนาย วีระศักดิ์ ปราบโรค อายุ 50 ปี และนายชวน หวานขัน อายุ 71 ปี ชาวบ้านควนร้อน ต.บางสัก อ.กันตัง ว่าหมู่บ้านมีจำนวนประชากรประมาณ 400 ครัวเรือน มีผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันแล้วประมาณ 30 คน บางหลังคาเรือนป่วยทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก และคนชรา แต่ยังไม่ได้รับการรักษาแต่อย่างใด และขาดยารักษามาร่วม 7 วันแล้ว โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแจ้งให้รอการติดต่อกลับมาเท่านั้น ขณะนี้คนในหมู่ บ้านอาศัยเพียงยาสมุนไพรรักษาอาการเบื้องต้นเท่านั้น ทำให้รู้สึกท้อเพราะเหมือนคนถูกลืม และบางหลังติดเชื้อทั้งบ้าน ผู้ป่วยอายุน้อยสุด 2 ขวบ มีเพียงไม่กี่หลังที่เจ้าหน้าที่จัดยามาให้ นอกจากนั้นก็ไม่มียาให้กินเลย เป็นผู้ป่วยยืนยันมา 9 วันแล้ว

อัดวัคซีนให้เชียงใหม่ 7 แสนโดส

ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ ที่พบติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 394 คน ตายเพิ่ม 2 ศพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังตรวจเยี่ยมตรวจตลาดเมืองใหม่ จุดที่เคยเกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จนเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ว่า มั่นใจว่าสถานการณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่จะดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากระบบการคัดกรองและรักษาผู้ติดเชื้อที่ทำกันอย่างเต็มที่แล้ว จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวและมีประชากรมาก กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมอีก 7 แสนโดส โดยขณะนี้ชาวเชียงใหม่ฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 1.1 ล้านคน แต่ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ชาวเชียงใหม่ที่มีประชากรอยู่ราว 1.7 ล้านคน จะต้องได้รับวัคซีน 100 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 70

มั่นใจยังรับมือได้อยู่

นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีเตียงผู้ป่วยสีแดงเต็มทั้งจังหวัดว่า กระทรวงสาธารณสุขใช้ระบบเขตสุขภาพเป็นระบบเครือข่ายสนับสนุน หากจังหวัดเชียงใหม่เตียงสีแดงเต็มก็สามารถส่งต่อไปจังหวัดลำปาง ลำพูนและเชียงรายได้ แต่มั่นใจว่าจะไม่ถึงขั้นนั้น ทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข หลังจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ คาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ การครองเตียงและจำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลง แต่ยอมรับการติดเชื้อเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก เพราะมีการสัญจรเดินทางไปมา แต่หากจังหวัดเชียงใหม่ได้วัคซีนครบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น สถานการณ์ที่เชียงใหม่เอาอยู่มานานแล้ว วันนี้มาติดตามรับฟังปัญหาอุปสรรคและได้ย้ำว่า สธ.พร้อมสนับสนุนทุกอย่างทั้งเวชภัณฑ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าหนักใจ แต่อาจต้องทำความเข้าใจ

เกาะเสม็ดพร้อมรับนักท่องเที่ยว

ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด-19 และตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ในกลุ่มเสี่ยง 608 ผู้ประกอบการร้านค้าและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ตลาด 100 เสา ต.เพ อ.บ้านเพ จ.ระยอง ว่า ต.เพ มีท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อเดินทางไปยังเกาะเสม็ด เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย.คาดจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ผ่านการฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองจากโครงการแซนด์บ็อกซ์แล้ว เข้าพื้นที่จำนวนมาก ได้เตรียมความพร้อม โดยเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรให้ได้ร้อยละ 80 โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ภาพรวมการฉีดวัคซีนใน จ.ระยอง ขณะนี้เข็มที่ 1 ฉีดได้ร้อยละ 60.8 เข็มที่ 2 ฉีดได้ร้อยละ 45.25 และกำลังทยอยฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแรก

พัทยาโวยถูกห้ามดื่มแอลกอฮอล์

วันเดียวกัน นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ ศบค.กำหนดให้ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พังงา กระบี่ สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ ทุกคนในพัทยาก็งงว่าใช้หลักเกณฑ์ใดมาพิจารณา เพราะถ้าดูในกรุงเทพฯ ยังติดเชื้อวันละ 700-800 คน ขณะที่ จ.ชลบุรี ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เป็นพื้นที่นำร่อง 1 ใน 17 จังหวัดก็อยากให้พิจารณาให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ด้วย โดยอาจเริ่มจากร้านอาหารและโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA หรือมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว เพราะการเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวได้จัดรูปแบบอย่างดีเฉพาะในพื้นที่เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง และอำเภอสัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียนและตำบลบางเสร่ ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ร้อยละ 80 ของประชากรแล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมองการดื่มแอลกอฮอล์เป็นไลฟ์สไตล์ และเป็นวัฒนธรรมของเขา แค่ไวน์ 1-2 แก้ว หรือเบียร์ 1-2 ขวดก่อนเข้านอน อยากให้ ศบค.พิจารณาด้วยว่าจาก 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยวทำไมถึงอนุญาตเพียง 4 จังหวัดเท่านั้น แล้วอีก 13 จังหวัดหายไปไหน

มะกันไฟเขียววัคซีนเด็ก 5-11 ปี

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์/ ไบออนเทค สำหรับป้องกันโควิด-19 ในเด็กอายุ 5-11 ปี เพื่อเตรียมพร้อมให้เด็กอเมริกันราว 28 ล้านคนกลับเข้าเรียนในโรงเรียนตามปกติ ทั้งนี้ เอฟดีเออนุญาตให้ใช้วัคซีนปริมาณ 10 ไมโครกรัม ต่ำกว่า 30 ไมโครกรัมที่กำหนดสำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป เพื่อลดผลข้างเคียง ในขณะนี้มีเพียงจีน คิวบา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่อนุมัติวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กในกลุ่มอายุนี้หรือต่ำกว่า ด้านอังกฤษได้แถลงในระหว่างการประชุม G20 ที่กรุงโรม ของอิตาลีว่า ที่ผ่านมาได้บริจาควัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา 10 ล้านโดส แก่โครงการโคแว็กซ์ และจะส่งมอบอีก 10 ล้านโดสในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า รวมเป็น 30.6 ล้านโดสในปี 2564 ส่วนในปีหน้าจะบริจาควัคซีนของแอสตราเซเนกาอย่างน้อย 20 ล้านโดส และวัคซีนของบริษัทแจนเซ่นอีก 20 ล้านโดสสู่โครงการโคแว็กซ์