"บิ๊กป้อม" หวั่นฝนทิ้งช่วง เร่งสั่งกรมฝนหลวงวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่นาข้าวและพืชไร่ที่ได้รับผลกระทบภัยแล้งตาม โดยมอบหมายให้กรมฯ ร่วมกับ ทอ. ทบ.บินปฏิบัติการพื้นที่เป้าหมาย
เมื่อวันที่ 6 ส.ค.64 สถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร รวมถึงปริมาณน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง จากข้อมูลของกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่าขณะนี้ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำใช้การได้น้อยกว่า 30% มีอยู่ถึง 22 แห่ง และแหล่งน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำใช้การได้น้อยกว่า 30% มีมากถึง 116 แห่ง ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่ดูแลด้านบริหารจัดการน้ำ เร่งหามาตรการและจัดทำแผนเพื่อรับมือสถานการณ์ภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและเกษตรกร
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนมาเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว แต่จากข้อมูลปริมาณน้ำในเขื่อน-อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง พบว่ามีปริมาณน้ำน้อยกว่าเกณฑ์อยู่หลายแห่งรวมถึงบริเวณพื้นที่การเกษตร เช่น เขตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ มีปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับทำการเกษตร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาฝนทิ้งช่วง ขณะเดียวกันในบางพื้นที่มีฝนตกหนัก ทำให้มีปริมาณน้ำเกินความต้องการของพี่น้องเกษตรกร จากข้อมูลดังกล่าวทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจะนำมาวางแผนเพื่อปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือให้ตรงพื้นที่เป้าหมาย โดยจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำเพียงพอแล้ว
...
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อภาวะฝนทิ้งช่วงที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากเห็นว่าขณะนี้ประชาชนประสบวิกฤติในหลายด้านและมีความเป็นอยู่ที่ลำบากจึงไม่อยากให้เกิดวิกฤตการณ์น้ำแล้งหรือขาดแคลนน้ำในการทำเกษตรหรืออุปโภค บริโภคมาซ้ำเติมเพื่อสร้างความเดือดร้อนอีก จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร วางแผนปฏิบัติการฝนหลวงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พื้นที่นาข้าวและพืชไร่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วง ซึ่งกรมฝนหลวงฯ ได้ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศ นำข้อมูลปริมาณน้ำฝนรวมทั้งความชื้นในดินและปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อมาวิเคราะห์ปรับแผนให้สอดคล้องในการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร การเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ ให้ได้มีปริมาณน้ำมากที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีน้ำต้นทุนไว้สำรองใช้ในฤดูแล้งต่อไป
สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบกขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำ ซึ่งผลปฏิบัติการฝนหลวงในประจำวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมามีการปฏิบัติการ 7 หน่วย ส่งผลให้มีฝนตกในหลายพื้นที่ อาทิ หน่วยจังหวัดตาก บริเวณพื้นที่การเกษตร จ.กำแพงเพชร (พรานกระต่าย) จ.สุโขทัย (คีรีมาศ) ส่วน จ.พิษณุโลกมีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรจ.กำแพงเพชร (เมืองกำแพงเพชร ลานกระบือ ไทรงาม คลองลาน) จ.พิจิตร (เมืองพิจิตร วชิรบารมี สามง่าม โพธิ์ประทับช้าง ตะพานหิน สากเหล็ก) จ.พิษณุโลก (บางกระทุ่ม) จ.เพชรบูรณ์ (บึงสามพัน วิเชียรบุรี) พื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยเล็ง จ.เพชรบูรณ์
ส่วนหน่วยขอนแก่นมีฝนตกบริเวณบริเวณพื้นที่การเกษตร จ.กาฬสินธุ์ (สหัสขันธ์ สามชัย สมเด็จ ห้วยผึ้ง นามน ดอนจาน กมลาไสย หนองกุงศรี ห้วยเม็ก ยางตลาด เมืองกาฬสินธุ์) จ.ขอนแก่น (อุบลรัตน์ หนองเรือ บ้านฝาง น้ำพอง ซำสูง กระนวน เมืองขอนแก่น) จ.มหาสารคาม (เชียงยืน ชื่นชม) เป็นต้น
เกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account : @drraa_pr และโทร. 02-109-5100.