สวัสดีท่านทุกท่านครับ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่น่าสนใจและหลายคนที่มีสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน อะไรก็ตาม ควรจะใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ และตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะตามมาในอนาคต
มีตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาเรื่องหนึ่งครับ เกี่ยวกับสามีภรรยาที่เลิกรากันไปแล้ว แต่ฝ่ายจำเลย ซึ่งเป็นสามีเก่า มีข้อมูลภาพลับของภรรยา ซึ่งเป็นลักษณะภาพที่ลามกอนาจาร รวมถึงคลิปวิดีโอลามกอนาจารของภรรยาเก่า จึงส่งภาพลับและวิดีโอลับดังกล่าวไปให้บุตรของภรรยาเก่าดู โดยแจ้งว่าหากภรรยาเก่าไม่จ่ายเงินให้กับตน ก็จะดำเนินการนำภาพลับและวิดีโอลับดังกล่าวไปเผยแพร่
ภรรยาเก่าจึงดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลในหลายข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 326, 338 ประกอบมาตรา 80, 90, 91 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14
สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาลงโทษเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 338 ในข้อหาพยายามรีดเอาทรัพย์ มีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ศาลยกฟ้อง เนื่องจากการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จหรือลามกอนาจารนั้น จะต้องฟังได้ว่าประชาชนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลได้ด้วย จึงจะมีความผิดในข้อหานี้
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 338 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
...
อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 1188/2561 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำภาพและวิดีโอลามกส่งเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ส่งให้บุตรสาวโจทก์ดูเพื่อประจานโจทก์ ซึ่งมีเพียงจำเลยและบุตรสาวโจทก์เท่านั้นที่มีรหัสในการเข้าดูประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าดูได้หากไม่ทราบรหัส จึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (4)
จำเลยส่งข้อความทางผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ตถึงโจทก์หลายครั้ง ขู่เข็ญโจทก์ให้จ่ายเงินจำเลย มิเช่นนั้นจะเปิดเผยความลับรูปภาพและวิดีโอที่โจทก์ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายอื่น ในขณะที่ยังไม่ได้หย่าขาดจากจำเลย การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยขู่เข็ญจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหายครบองค์ประกอบความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมมอบเงินให้ตามที่จำเลยขู่เข็ญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามรีดเอาทรัพย์
การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 338 หมายความว่า การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป และเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าของความลับประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ ดังนี้ ความลับจึงไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเจ้าของข้อเท็จจริงประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ก็ถือว่าเป็นความลับแล้ว อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 12685/2558
สุดท้ายนี้ การกระทำใดๆ ก็ตาม ที่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบุคคลอื่น เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น หรือให้ผู้อื่นยินยอมกระทำตามข้อเรียกร้องของตนเองนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและอาจจะถูกดำเนินคดีได้ครับ
สำหรับท่านที่มีคำถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายและต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเรื่องราวดีๆ อยากแบ่งปันประสบการณ์ เมลมาหาผมได้ที่ “คุยกับคนดัง” talktoceleb@trendvg3.com ได้เลยครับ
Facebook: ทนายเจมส์ LK
Instagram: james.lk