ย้อนรอยคดี "น้องชมพู่" คดีปริศนาที่ยืดเยื้อนานเป็นปี เดินหน้าสู่วันออกหมายจับ "ลุงพล" 

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2563 "น้องชมพู่" เด็กหญิงวัย 3 ขวบ หายตัวปริศนา ระหว่างกินอาหารเช้าที่หน้าบ้านใน ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ชาวบ้านช่วยกันตามหาตลอดทั้งคืนแต่ไม่พบ กระทั่งรุ่งขึ้นตำรวจและทหารกว่า 60 นาย และชาวบ้านระดมตามหาต่อเนื่อง ปิดล้อมพื้นที่สวนป่ายางพารา รวมถึงพื้นที่ป่าเขาภูผาน้อย ในรัศมี 5 กิโลเมตรแต่ยังไม่มีวี่แวว จนครอบครัวเริ่มพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำพิธีเพื่อเปิดทางแต่ยังไม่พบ

ช่วงบ่ายวันที่ 14 พ.ค. 2563 มีผู้พบเบาะแสรองเท้าเด็กสีเขียวกลางป่า เจ้าหน้าที่เดินทางมุ่งหน้าตรวจสอบจุดที่พบรองเท้า ต่อมาช่วงค่ำมีชาวบ้านพบศพน้องชมพู่ในสภาพเปลือยอยู่ภูเหล็กไฟ เจ้าหน้าที่ส่งศพน้องชมพู่ไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี แพทย์ยืนยันไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ เนื่องจากสภาพศพเริ่มเน่า

ต่อมา ครอบครัวตัดสินใจส่งศพน้องชมพู่ชันสูตรศพรอบ 2 เนื่องจากการตายยังเป็นปริศนา ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์ยืนยันพบร่องรอยถูกทำร้าย

จากนั้นวันที่ 20 พ.ค. 2563 ครอบครัวได้จัดงานฌาปนกิจน้องชมพู่ ที่ป่าช้าบ้านกกกอก โดยการหาพยานหลักฐานของตำรวจยังดำเนินการต่อ ทั้งใช้สุนัขดมกลิ่นหาหลักฐานในจุดที่พบศพน้องชมพู่ จากนั้นไม่นาน ตำรวจพบเสื้อลายพรางถูกเผา และรถแบ็กโฮของเล่น จึงเก็บไปตรวจสอบในการแกะรอยคนร้าย

ต้นเดือนมิถุนายน 2563 ตำรวจยืนยันยังไม่ตัดกลุ่มต้องสงสัยทิ้ง ทั้งนายพรานและบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว ขนาดที่สังคมออนไลน์พุ่งเป้าไปที่ ไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงของน้องชมพู่ ซึ่งเขายืนยันความบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง และหนักแน่นว่าไม่ใช่คนร้าย

...

วันที่ 17 มิ.ย. 2563 ตำรวจหาหลักฐานที่บ้านลุงพลอีกครั้ง โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า นำกระสอบปุ๋ย ถุงมือ และขนสุนัขที่บ้านไปตรวจสอบ จากนั้นอีกสองวัน ตำรวจเรียกพ่อแม่น้องชมพู่และชาวบ้านอีก 7-8 คน ไปสอบปากคำเพิ่มเติม รวมทั้งถอนขนสัตว์เลี้ยงในแต่ละบ้านไปตรวจสอบเพื่อหาเบาะแส

ผ่านไป 6 เดือน วันที่ 2 ต.ค. 2563 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลสอบสวนคดีหลังรับตำแหน่ง ยืนยันตำรวจได้สอบปากคำไปแล้วกว่า 900 ปาก ยังไม่ระบุผู้ต้องสงสัย เชื่อว่าน้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นไปที่ภูเหล็กไฟเอง และอาจถูกใครบางคนกระทำด้วยวิธีการใด ในทางตรงและทางอ้อมให้เสียชีวิต

ต่อมาตำรวจได้เรียกคนใกล้ชิดน้องชมพู่ทั้งหมดเข้าเครื่องจับเท็จ ยกเว้นน้องสะดิ้ง พี่สาวของน้องชมพู่ ซึ่งเป็นเยาวชน ระหว่างรอการรายงานผลเครื่องจับเท็จ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยัน ตำรวจชุดสืบสวนยังคงเดินหน้าหาพยานโดยไม่ลดละ และยังไม่มีกำหนดออกหมายจับหรือขีดเส้นตายการดำเนินคดี

สุดท้ายคดีปริศนาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 300 วันเดินหน้ามาถึงวันออกหมายจับคนร้าย คนร้ายที่ตำรวจยืนยันว่าอยู่เบื้องหลังการตายของน้องชมพู่.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง