บ้านเรานับเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพค่อนข้างมาก เห็นได้จากการค้นพบพืชหรือสัตว์พันธุ์ใหม่ๆค่อนข้างบ่อย ล่าสุด รศ.ดร.เฉลิมพล สุวรรณภักดี ผู้เชี่ยวชาญพืชสกุลหนามแน่ (Thunbergia) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับ ดร.สมราน สุดดี กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช ดร.ขวัญใจ รอสูงเนิน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูลังกา และ Dr.David Middleton ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์แห่งสวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ ร่วมกันตีพิมพ์พืชชนิดใหม่ของโลก “หนามแน่ขาวอัมไพ” ในวารสารนานาชาติ Thai Forest Bulletin (Botany) เล่มที่ 49 (1) หน้าที่ 57-62 ปี พ.ศ.2564
จัดเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกในสกุลหนามแน่ (Thunbergia) วงศ์ต้อยติ่ง (Acanthaceae) มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า ThunbergiaamphaiiSuwanph., K. Khamm., D. J. Middleton & Suddee คำระบุ ชนิด “amphaii” ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายอัมไพ ผาสีดา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา ผู้ค้นพบระหว่างการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.นครพนม ที่ระดับความสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย ลำต้นมีขนตามข้อ มีร่องตามยาว 2 ร่อง ใบเรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนานแกมรูปรี รูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน กว้าง 3.5-5 ซม. ยาว 12-14 ซม. ปลายแหลม เรียวแหลม หรือยาวคล้ายหาง โคนรูปลิ่มหรือสอบเรียวขอบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยเกลี้ยงทั้ง 2 ด้าน เส้นแขนงใบข้างละ 8-10 เส้น ก้านใบแบนทางด้านบน มีขนสาก ช่อดอกออกที่ปลายยอด ช่อละ 3-8 ดอก กลีบดอกสมมาตรด้านข้าง โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด สีขาวถึงขาวครีม
ด้านในบริเวณปากหลอดมีแต้มสีเหลืองหรือน้ำตาล ปลายแยกเป็นแฉก 5 แฉก แยกเป็นกลีบบน 2 แฉก กลีบล่าง 3 แฉก เกสรเพศผู้ 4 เกสร แยกเป็น 2 คู่ยาวไม่เท่ากัน ก้านชูอับเรณูมีขนต่อมหนาแน่น อับเรณูโคนมีขน ผลแบบผลแห้งแตก โคนป่อง ปลายแหลม มีขนสั้น.
...
สะ–เล–เต